ใบไม้ยัง “ร่วง” ที่บราซิล ผลพวงจาก“ผู้นำ” ดื้อรั้น

ผมเคยเขียนถึงประเทศบราซิลมาแล้วหนหนึ่ง สืบเนื่องมาจาก ข่าวคราวที่ว่า ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร สั่งปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของท่าน หลังจากการขัดแย้งอย่างรุนแรงในการดำเนินนโยบายเพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19

รัฐมนตรีสาธารณสุข หลุยส์ เอ็นริเก แมนเดตตา เห็นว่าจะต้องมีการล็อกดาวน์ ต้องใช้วิธีเฉียบขาดจึงจะเอาอยู่ แต่ประธานาธิบดีเห็นว่า การล็อกดาวน์อาจเอาอยู่ แต่จะสูญเสียทางเศรษฐกิจสูง และไม่คุ้ม

ที่สำคัญท่านประธานาธิบดีของเมืองกาแฟท่านมองว่าโควิด-19 เป็นแค่ “ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น” อย่าไปกลัวจนขึ้นสมอง อย่าไปเชื่อ สื่อมวลชนที่ชอบกระพือให้เป็นเรื่องใหญ่

ว่าแล้วท่านประธานาธิบดีก็ปลดรัฐมนตรีสาธารณสุข คุณแมนเดตตา กลางอากาศ พร้อมกับตั้งคุณ เนลสัน เทช ซึ่งดูเหมือนจะหัวอ่อนกว่ามาดำรงตำแหน่งแทน

วันนี้ผมขออนุญาตเขียนถึงบราซิลอีกสักครั้งนะครับ และอาจต้องเขียนอีกหลายๆ ครั้งก็ได้ หากการแพร่ระบาดและการตายเป็นเบือของบราซิลยังไม่ลดน้อยลง

เริ่มจากข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งสรุปได้ว่า คุณ เนลสัน เทช รัฐมนตรีสาธารณสุขท่านใหม่ที่ว่าหัวอ่อนนั้น ได้ยื่นใบลาออกเสียแล้ว

ท่านไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมถึงลาออก แต่นักข่าวรายงานว่า ท่านรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีในกรณีให้เปิดโรงยิมกับร้านเสริมความงามของสุภาพสตรี

คุณเทชไม่เห็นด้วยที่จะให้รีบเปิด แต่ประธานาธิบดีบอกว่าต้องเปิด แล้วต่อมาก็สั่งเปิด ซึ่งจะเป็นด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ท่านลาออกข่าวมิได้ยืนยัน เพียงแต่นำมาตั้งเป็นข้อสังเกตไว้เท่านั้นเอง

ผมเขียนไว้แล้วว่า ในวันที่คุณ หลุยส์ เอ็นริเก แมนเดตตา รมว. สาธารณสุข ท่านที่แล้วถูกปลดจากตำแหน่ง ยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 25,262 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,532 ราย อยู่อันดับ 20 กว่าของโลก

แต่พอคุณ เนลสัน เทช มาคลายล็อกเมื่อ 20 เม.ย. ยอดติดเชื้อก็พุ่งอย่างรวดเร็วจนทะลุแสนรายเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม

วันที่คุณ เนลสัน เทช ลาออกคือเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ปรากฏว่ายอดติดเชื้อสะสมมาอยู่ที่ 212,198 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว นับตั้งแต่วันเขาเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งยังไม่ครบ 1 เดือนด้วยซํ้า

ยอดผู้เสียชีวิตก็พุ่งขึ้นเป็น 14,455 ราย สูงกว่าวันที่เขารับตำแหน่ง ซึ่งเสียชีวิตไปเพียง 1,500 กว่าราย ถึงเกือบ 10 เท่า

ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ยอดติดเชื้อสะสมของบราซิลอยู่ที่ 235,331 แซงอิตาลี ฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 ของโลกเรียบร้อย และยอดผู้เสียชีวิตก็กลายเป็น 15,724 ราย สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก

ส่งผลให้นายกเทศมนตรีของเมืองเซาเปาโลออกมาให้สัมภาษณ์ว่า โรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขของเมืองที่มีประชากรมากสุดของบราซิลกำลังจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะเตียงฉุกเฉินรับคนไข้ไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้ป่วยยังคงหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่หยุดยั้ง

ทางด้านผู้เสียชีวิตก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด เมื่อมีรายงานว่า ทางการของเมืองเซาเปาโลสั่งเตรียมถุงบรรจุร่างของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นถุงแบบพิเศษ ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วย มาเตรียมการไว้ถึงกว่า 5,000 ถุง

เพราะเชื่อว่าโศกนาฏกรรมดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นในเร็วๆ นี้

ที่สำคัญทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดและต้องรวดเร็วเพื่อประหยัดเวลา ทางการจะอนุญาตให้ใช้เวลาทำพิธีต่างๆ ในโบสถ์เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และห้ามญาติมิตรเข้าร่วมในพิธีเกิน 10 คนอีกด้วย

สถานการณ์ของบราซิลจะไปหยุดยั้งที่จุดใดยังคาดเดาได้ยาก โอกาสที่จะแซงสหราชอาณาจักรและสเปนซึ่งติดเชื้อสะสมเป็นอันดับ 3 อันดับ 4 ในขณะนี้อาจเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน เพราะทั้ง 2 ประเทศที่ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มชะลอลงแล้ว ในขณะที่บราซิลยังพุ่งเรื่อยๆ

ในฐานะแฟนฟุตบอลที่เวลาแข่งบอลโลกทีไร ผมจะเชียร์บราซิลทุกครั้ง อ่านข่าวแล้วก็สงสารชาวบราซิลครับ เพราะในที่สุดเศรษฐกิจก็เอาไว้ไม่อยู่ และการเสียชีวิตของผู้คนก็ยังเหมือนใบไม้ร่วงต่อไป

ถ้าผู้นำเมืองกาแฟทำเหมือนทุกประเทศทั่วโลกคือ ใช้นโยบายเข้มข้นเสียแต่ต้นมือ และไม่ประมาทจนถึงขั้นมองว่าโควิด-19 คือไข้หวัดธรรมดาๆ บราซิลคงจะไม่เสียหายหนักทั้งเศรษฐกิจและชีวิตถึงขนาดนี้หรอกครับ.

“ซูม”