เปิดใจ “บัณฑูร ลํ่าซำ” จาก “K Bank” สู่ “ป่าน่าน”

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง มีข่าวใหญ่พาดหัวหน้าเศรษฐกิจ ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับว่า คุณบัณฑูร ลํ่าซำ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทยอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนเป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการก็มีมติแต่งตั้งให้ คุณ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กรรมการอิสระในฐานะรองประธานกรรมการเป็นประธานกรรมการแทนคุณบัณฑูร

นอกจากนี้ คณะกรรมการธนาคารกสิกรไทยยังมีมติแต่งตั้งคุณขัตติยา อินทรวิชัย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO นับเป็นสุภาพสตรีคนแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารสูงสุดของธนาคารนี้ อีกทั้งยังเป็นคนแรกที่ไม่ใช่บุคคลในตระกูลลํ่าซำอีกด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน คุณ บัณฑูร ลํ่าซำ หรือที่ผู้สื่อข่าวเรียกชื่อเล่นท่านอย่างเป็นกันเองว่า “คุณปั้น” ก็เปิดใจให้สัมภาษณ์สดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ K Bank ว่า ได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบและถึงเวลาอันเหมาะสม ที่จะอำลาทุกตำแหน่งในธนาคาร เพื่อไปทำงานในโครงการ น่านแซนด์ บ็อกซ์ ซึ่งเป็นภาคปฏิบัติของโครงการ รักษ์ป่าน่าน อย่างเต็มเวลา

คุณปั้นกล่าวยํ้ากับผู้สื่อข่าวว่า มั่นใจในฝีมือของสุภาพสตรีทั้ง 2 ท่านร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงได้ตัดสินใจวางมือในครั้งนี้

รวมทั้งยืนยันหนักแน่นด้วยว่า จะไม่เล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด ขอทุ่มเทความรู้ ความสามารถเท่าที่มีอยู่เพื่อแก้ปัญหาป่าต้นนํ้าน่าน และสร้างรูปแบบของการพัฒนาป่าต้นนํ้าสำหรับทุกจังหวัดและทุกภาคในประเทศไทยให้จงได้

ผมเองอ่านข่าวนี้ด้วยความรู้สึก 2 ประการ…ประการแรกดีใจแทนโครงการ รักษ์ป่าน่าน ที่จะได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถอย่างยิ่งคนหนึ่งของประเทศไทยไป “ลุย” ขออนุญาตใช้คำนี้นะครับอย่างเต็มตัว

ถ้าท่านผู้อ่านจำได้โครงการในพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการนี้เป็นโครงการที่ผมเขียนถึงบ่อยครั้งมาก และเอาใจช่วยขอให้ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด เพราะจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างมหาศาล

เมื่ออ่านข่าวพบว่าคุณบัณฑูรจะไป “ลุย” เต็มตัวเช่นนี้ ก็ย่อมจะดีใจเป็นของธรรมดา

แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง สืบเนื่องมาจากสถานการณ์วิกฤติ “โควิด-19” ที่โลกและประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นี่แหละครับ

เป็นที่คาดหมายกันทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศไทยเช่นกันว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากเจ้าโควิด-19 จะหนักหนาสาหัสมาก และจะหนักที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าครั้งใหญ่ ค.ศ.1930 เป็นต้นมา ดังที่ผมเขียนยํ้าไว้แล้วหลายครั้ง

ผมก็นึกถึง “นักรบเศรษฐกิจภาคเอกชน” ที่อยากจะให้มาช่วย ทำศึกครั้งนี้เคียงคู่ไปด้วยกันกับนักรบเศรษฐกิจภาครัฐ นึกอยู่หลายคน น่าจะมากกว่า 20 คนที่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ท่านนึกไว้ด้วยซํ้า

คุณ บัณฑูร ลํ่าซำ นักรบที่ผ่านสงครามเศรษฐกิจ 2540 ยุคต้มยำกุ้ง มาแล้วอย่างโชกโชน และสามารถนำกองพลของท่านคือ ธนาคารกสิกรไทย สู่ชัยชนะ เอาตัวรอดมาได้ และกลายเป็นธนาคารที่แข็งแกร่ง มั่นคงจนถึงทุกวันนี้…เป็นหนึ่งในนักรบเศรษฐกิจภาคเอกชนที่ผมฝากความหวังไว้

จู่ๆ ท่านมาประกาศอำลากองพลสำคัญเสียเช่นนี้ ผมก็ย่อมใจหายเป็นธรรมดา

เผอิญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง คุณ ระวิ โหลทอง ประธานใหญ่ของค่าย สยามสปอร์ต ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับคุณบัณฑูรอย่างดียิ่ง จนถึงขั้นจัดเตะฟุตบอลประเพณี K Bank กับ สยามกีฬา มาน่าจะเกือบ 20 ปีเข้านี่แล้ว โทร.มาบอกผมว่า คุณบัณฑูรชวนคุณระวิไปคุยด้วย หากผมพอมีเวลาว่างก็อยากให้ไปด้วยกัน

ผมไม่ปฏิเสธเลยครับ เพราะตั้งใจจะถามคุณบัณฑูรถึงประโยคที่ผมอยากถามว่า รีบไปทำไมตอนนี้? จะอยู่ช่วยรบกับโควิด-19 สักหน่อย มิได้หรือ? มั่นใจใน 2 หญิงขนาดไหนกับวิกฤติที่กำลังจะมาถึงครั้งนี้?

พรุ่งนี้ผมจะสรุปคำตอบของคุณบัณฑูร ลํ่าซำ ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเป็นข้อๆ นะครับ ซึ่งหากว่าไม่สามารถเขียนได้จบในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่เป็นไร นานๆ จะมีโอกาสคุยอย่างเปิดอกกับคุณบัณฑูรสักที จะเขียนต่ออีก 2–3 วัน ท่านผู้อ่านคงไม่ขัดข้องหรอกน่า.

“ซูม”