Social (media) distancing…?

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงความหมายที่ถูกต้องของ Social distancing โดยอ้างถึงคำจำกัดความในวิกิพีเดีย ภาคภาษาอังกฤษว่า สรุป “วิธี” เอาไว้อย่างครบถ้วน พร้อมมีภาพประกอบด้วย

ทำให้มีความรู้ มีความเข้าใจในความหมายของ Social distancing อย่างกระจ่างชัด รวมทั้งยังได้ข้อสังเกตที่สำคัญมาด้วยว่าอย่าไปสับสนกับคำว่า Social distance เฉยๆ (ที่ไม่มี cing) เป็นอันขาด เพราะความหมายต่างกันคนละเรื่องเลย

สำหรับมาตรการและวิธีการของ Social distancing เท่าที่วิกิพีเดีย สรุปไว้นั้นตรงเป๊ะกับที่รัฐบาลไทยของเรากำลังดำเนินการขณะนี้ ได้แก่ ปิดโรงเรียน, ปิดสถานที่ทำงาน, แยกตัวเอง, กักกันตัว, ระงับการเคลื่อนย้ายผู้คน, ระงับการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนในการแข่งขันกีฬาต่างๆ, โรงภาพยนตร์, การแสดงดนตรีและคอนเสิร์ต

หยุดหรือจำกัดการเดินรถสาธารณะ, ปิดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสาธารณะ เช่น สระว่ายนํ้าสาธารณะ, สโมสร, โรงยิมเนเซียม

รวมทั้ง การสร้างเกราะป้องกันตนเอง เป็นรายบุคคล เช่น การลดการติดต่อแบบ เผชิญหน้า ระหว่างบุคคลต่อบุคคลให้มากที่สุด, ดำเนินธุรกิจ หรือ ทำงานทางโทรศัพท์ ทาง ออนไลน์ แทน, หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะ และ ลดการเดินทาง ที่ไม่จำเป็น

ในแต่ละหัวข้อเขายังมีการอธิบายเพิ่มเติม และยกตัวอย่างต่างๆ ด้วย แม้แต่วิธี ทักทาย ซึ่งพบแล้วว่าการจับมือจะเป็นการแพร่เชื้อได้ เขาก็นำภาพประธานาธิบดีหญิงของไต้หวัน ที่นำวิธีกุม 2 มือ ผงกศีรษะแบบจีนโบราณมาใช้แทนการจับมือกับแขกเหรื่อที่มาเยือน

เขายกตัวอย่างในอดีตมาให้ดูด้วยว่าผลจากการใช้มาตรการเหล่านี้ สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้อย่างดี ดังเช่นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1918 เมืองที่ใช้มาตรการนี้โดยทันทีได้แก่ เซนต์หลุยส์ มีอัตราสูญเสียตํ่ากว่า ฟิลาเดลเฟีย ที่ใช้มาตรการช้าไป 5 วันหลายเท่า

แต่ข้อเสียหรือผลลบของมาตรการนี้ก็มีอยู่ เช่น ความหงอยเหงา ความรู้สึก โดดเดี่ยวของผู้ถูกกักตัว การสูญเสียทางเศรษฐกิจ และการลดลงของประสิทธิภาพการผลิต ฯลฯ เป็นต้น

ดูๆ แล้วก็เป็นมาตรการที่รัฐบาลทั่วโลกในปัจจุบันนำมาใช้ รวมทั้งรัฐบาลไทยเรา เพราะคงวิเคราะห์กันแล้วว่าผลเสียต่อชีวิตมนุษย์นั้นเป็นประเด็นสำคัญที่สุด เหนือกว่าการสูญเสียทางเศรษฐกิจ หรืออื่นๆ ทั้งสิ้น

จำเป็นต้องป้องกันชีวิตของผู้คนพลเมืองของตนเอาไว้ก่อน เรื่องเศรษฐกิจหรืออื่นๆ ค่อยว่ากันเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

ผมก็ขออนุญาตสรุปความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ Social distancing จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี มาลงไว้อีกครั้งหนึ่ง และก็เลือกเฉพาะประเด็นหลักๆ เท่านั้น ท่านที่สนใจรายละเอียดโปรดคลิกเข้าไปอ่านได้นะครับ จะทำให้เข้าใจความหมายของมาตรการนี้มากขึ้น

เมื่อเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วเช่นนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยเราต่างก็พร้อมที่จะ distancing อยู่กับบ้านเก็บตัว ไม่เจอผู้เจอคนมากนัก ยอมอดทนไม่ออกไปข้างนอก รวมทั้งตั้งระยะห่าง 1 เมตร แม้จะอยู่ในบ้านเดียวกัน

ปฏิบัติตามคำขวัญล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ด้วยความเต็มใจและยินดี

แต่ทีนี้เวลาอยู่บ้าน เวลาว่างแยะ ก็มีข้อเสียเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือแทบไม่ได้วางโทรศัพท์มือถือ และเปิดดู Social media ทั้งคืนทั้งวัน

ยุ่งละซี นอกจากข่าวเฟก ข่าวเต้าแล้ว ก็ยังมีการด่าทอ การแสดงความไม่พอใจ ใช้คำหยาบ คำกร้าน อุตลุดไปหมด เขาใช้มาตรการแรงๆ ก็ด่า ทำให้ตัวเองลำบากหน่อยก็ด่า

แม้แต่คนไข้โควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาดูแล ยังโพสต์ตำหนิโรงพยาบาลที่ดูแลตัวเองยาวเหยียด

ยอมรับว่าดูมากๆ อ่านโซเชียลมีเดียมากๆ แล้วใจเสียเลยครับ กลายเป็นกลัว กลายเป็นวิตก กลายเป็นแทบไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อใจใครไปเสียหมด แม้แต่หมอและพยาบาลที่ทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย

ผมขอเสนอว่า นอกจาก Social distancing คือการเอาตัวออกห่างสังคมแล้ว เราอาจจะต้อง Social media distancing คือเอาตัวออกห่างโซเชียลมีเดียด้วย ก่อนที่จะเป็นโรคจิตตกซะก่อนที่จะโดนโควิด-19 เล่นงาน…ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น?

“ซูม”