ทุกครั้งที่เศรษฐกิจมีปัญหา “ท่องเที่ยว” เป็นพระเอกเสมอ

ในระหว่างที่เรากำลังรอคอยกันอยู่ว่า “ยาชุด” แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังฝืดเคืองในขณะนี้ของ “รัฐบาลบิ๊กตู่” จะมีอะไรบ้างนั้น ก็มีข่าวจากภาคเอกชนจุดพลุขึ้นมาก่อน เมื่อวานนี้เอง

หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ลงข่าวหน้า 1 ว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยซบเซาอันเป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมากหลังเกิดไวรัสระบาด และขณะเดียวกันบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยก็ซบเซาลง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจไทยนั้น

กลุ่ม สยามพิวรรธน์ ในฐานะเจ้าของศูนย์การค้าหลายแห่ง รวมทั้ง “ไอคอนสยาม” ออกมาขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยเตรียมงบประมาณ 50 ล้านบาท นำร่องผุดแคมเปญใหญ่ “ไอคอนสยามไทยช่วยไทย” รวมพลังกับภาครัฐภาคเอกชนทุกส่วนจัดกิจกรรมตลอดเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม

โดยจะมีกิจกรรมครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ไทยเที่ยวไทย, ไทยช็อปไทย, ไทยให้ไทย และ ไทยชูไทย เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยให้คึกคักยิ่งขึ้น

กิจกรรมแรกจะเริ่มขึ้นระหว่าง 21 ก.พ.-1 มี.ค.นี้ โดย ไอคอนสยาม ร่วมกับ ททท. จะจัดมหกรรมท่องเที่ยวครั้งใหญ่ “ไทยเที่ยวไทยคือไทยเท่” ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวนำสินค้ามาออกบูธ เสนอขายคนไทยในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกเที่ยวทั่วประเทศ ฯลฯ

ผมอ่านข่าวแล้วรีบหยิบมาเขียนต่อทันที เพราะตัวเลขวงเงิน 50 ล้านบาทที่สยามพิวรรธน์จะนำมาใช้ในกิจกรรมนี้สะกิดความหลังของผมเข้าให้อย่างจัง

ทำให้ผมนึกถึงจำนวนเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่สำนักงบประมาณเจียดให้แก่ คณะกรรมการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังลดค่าเงินบาทเมื่อ พ.ศ.2527 ยุคป๋าเปรม ซึ่งก็คือ 50 ล้านบาทเท่ากันเป๊ะ

จำได้ว่า ดร.เสนาะ อูนากูล ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟู ได้เชิญ ผอ.สำนักงบประมาณ พ.ศ.นั้น ท่าน บดี จุณณานนท์ และ ผู้ว่า ททท. พ.ศ.นั้น (คลับคล้ายว่าจะเป็นท่าน สมชาย หิรัญกิจ) ไปประชุมกลุ่มย่อยที่ห้องรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลการท่องเที่ยวขณะนั้น (คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน) ในทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างใหญ่หลวง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้มาประเทศไทยให้มากที่สุด เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลชำระเงินใน พ.ศ.ดังกล่าว

ท่าน บดี บอกว่ามีงบกลางที่จะเจียดมาได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท ขอให้เอาไปก่อน ปีหน้าทำงบประมาณใหม่ค่อยว่ากันอีกที

ผมเป็นเจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ ถือแฟ้มตามเจ้านายเข้าประชุมและช่วยจดบันทึกการประชุม ยังจำได้ว่าที่ประชุมขอบคุณท่าน ผอ.สำนักงบฯ กันใหญ่ ที่เจียดเงินให้ ททท. 50 ล้านบาท ไปประชาสัมพันธ์ประเทศเพื่อเชิญชวนคนมาเที่ยวตามโครงการนี้

ก็ไม่รู้ ททท.ทำอย่างไรและท่าไหนปรากฏว่าเงิน 50 ล้านบาทก้อนนั้นสามารถทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยเพิ่มแบบล้นทะลักในปีต่อมากลายเป็นเชื้อในการจัดทำ “ปีท่องเที่ยวไทย 2530” หรือ Visit Thailand Year 1987 นับเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการได้ชัยชนะด้านเศรษฐกิจ หลังลดค่าเงินบาทของรัฐบาลป๋าเปรม นำพาประเทศไทยสู่ยุค “โชติช่วงชัชวาล” ติดต่อกันมาอีกยาวนาน

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ค่าเงิน 50 ล้านบาทยุคนี้นับว่าน้อยนิด ถ้าเทียบกับยุคนั้น แต่ด้วยตัวเลขที่เหมือนกัน อาจจะเป็นนิมิตหมายที่ดี นำความสำเร็จมาสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุคบิ๊กตู่บ้างก็เป็นได้

ผมจะเป็นห่วงบ้างก็ตรงที่ว่าสูตรเดียวกันคือ กระตุ้น “ท่องเที่ยว” และใช้เงินเท่ากันคือ 50 ล้านบาท แต่ เป้าหมาย ต่างกันลิบลับเพราะยุคโน้นเราไปกระตุ้นเชิญชวนชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวไทย ซึ่งพอเราบอกเขาว่า เมืองไทยมีที่เที่ยวสวยๆ เยอะนะ และตอนนี้ค่าใช้จ่ายก็ถูกลงมาแล้วนะ (เพราะลดค่าเงินบาทแล้ว) เขาก็มากันยกใหญ่

แต่คราวนี้เป้าหมายของ 50 ล้านบาท อยู่ที่คนไทยเราเองและก็จะชวนไปเที่ยวเมืองไทยนี่เอง จะสำเร็จหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะคนไทยที่พอจะมีสตางค์เที่ยวมักจะอยากไปเที่ยวต่างประเทศซะมากกว่า

แต่ก็เอาเถอะผมบอกแล้วว่า ผมเอาใจช่วยเต็มที่ไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน ใครมีแก่ใจที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ผมเชียร์สุดหัวใจ

ขอให้ 50 ล้านบาท ของสยามพิวรรธน์จงศักดิ์สิทธิ์เหมือน 50 ล้านบาท ของสำนักงบประมาณเมื่อปี 2527–2528 นะครับ––เพี้ยง!

“ซูม”