อาร์ทีบีฯ จับมือ .Life เปิดตัวนวัตกรรมหูฟัง “จาบร้า” ระดับเรือธง 3 รุ่นใหม่

อาร์ทีบีฯ ตอกย้ำความสำเร็จการเป็นผู้นำตลาดหูฟัง True Wireless ด้วยการส่งนวัตกรรมหูฟังอัจฉริยะภายใต้แบรนด์ “จาบร้า” (Jabra) ในซีรีย์ อิลีท (Elite) ลุยตลาดพร้อมกันถึง 3 รุ่น

Jabra Elite 75t” “Jabra Elite Active 75t” และ Jabra Elite 45h”  ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเสียงสุดล้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่มากมาย และดีไซน์ใหม่ที่มาในรูปทรงกะทัดรัดกว่าเดิม แต่มีความจุของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น เพื่อเติมเต็มความต้องการคอเพลงที่ต้องการฟังคุณภาพในทุกที่ทุกเวลาอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดออนไลน์แบบจัดหนัก มั่นใจกวาดยอดขายปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 15%

สำหรับ Jabra Elite 75t เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของหูฟังในตระกูล Elite ที่พัฒนาต่อยอดมาจากความสำเร็จของหูฟังรุ่น Jabra Elite 65t ให้มีคุณสมบัติการถ่ายทอดเสียง รวมถึงการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่แน่นขึ้น แบตเตอรี่ที่ยาวนาน แต่ในขนาดที่เล็กลงถึง 20% จึงสวมใส่ได้สบายและกระชับมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ใช้ชาวเอเชีย และผู้หญิง นอกจากนั้นยังมีไมโครโฟนถึง 4 ตัว

ซึ่งจะช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอกขณะกำลังสนทนา เพื่อให้ได้ยินเสียงที่คมชัดในทุกสภาวะ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถกันฝุ่นและละอองน้ำได้ในระดับ IP55 รวมถึงมีฟังก์ชั่น Jabra Sound + ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงเพลงด้วยตัวเองได้อย่างอิสระตามความต้องการ รวมไปถึง การอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่สามารถทำให้หูฟังมีฟังก์ชันที่ดีขึ้น และฉลาดขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นยังรองรับการใช้งานด้วยเสียงอย่าง Amazon Alexa, Siri และ Google Assistant เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้สมาร์ทฟังก์ชันต่างๆ ที่สำคัญยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นเดิมถึง 50% โดยรองรับการใช้งานได้ยาวนาน 7.5 ชั่วโมง และชาร์จได้เพิ่มอีกรวมเป็น 28 ชั่วโมง แต่หากแบตเตอรี่ไม่พอ เพียงชาร์จไฟแค่ 15 นาที ก็สามารถจะใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 60 นาที มี พร้อมวางจำหน่ายในราคา 6,290 บาท

ส่วน Jabra Elite Active 75t เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless สำหรับผู้ที่ใช้ออกกำลังกาย เพราะมีมาตราฐานกันฝุ่นและละอองน้ำได้ถึงระดับ IP57 ซึ่งสามารถจมอยู่ในน้ำได้ลึกไม่เกิน 1 เมตร ในเวลาไม่เกิน 30 นาทีเลยทีเดียว นอกจากสเป็คที่เทียบเท่ากับตัว Jabra Elite 75t แล้ว ตัว Jabra Elite Active 75t ยังมีการเคลือบผิวของหูฟังด้วยวัสดุพิเศษ ที่ช่วยทำให้หูฟังยึดเกาะกับหูได้ดีขึ้นอีกด้วย   พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ด้วยราคา 6,990 บาท

 

ขณะที่ Jabra Elite 45h เป็นหูฟังแบบครอบหูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้คอเพลงได้ดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีอย่างเต็มอิ่มในราคาย่อมเยาว์ แต่ยังได้คุณภาพสียงที่ดีและรองรับการใช้งานที่ยาวนาน โดยมาพร้อมกับไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 40 ม.ม.ทำให้ถ่ายทอดเสียงได้อย่างคมชัด และยังโดดเด่นด้วยระบบไมโครโฟน 2 ตัว ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติเพื่อให้ได้คู่สนทนายินเสียงที่คมชัด นอกจากนี้ ยังรองรับการทำงานร่วมกับ Jabra Sound+ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเสียงต่าง ๆ ผ่านมือถือได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย รวมถึงมีเทคโนโลยีใหม่  MySound ที่จะมาช่วงไตรมาสที่ 2 จะเลือกปรับสมดุลของเสียงเหมาะกับการได้ยินของผู้ใช้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ตัวหูฟังยังทำจากวัสดุคุณภาพอย่างดี ทำให้หูฟังมีความเบาพกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 170 กรัม ขณะที่แผ่นรองหูฟังมีความนุ่มสวมใส่สบาย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น Siri, Amazon Alexa และ Google Assistant โดยทำงานร่วมกับ Jabra Sound + เพื่อปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระ โดยสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง และมีระบบ Quick Charge ที่ทำให้คนรักเสียงดนตรีสามารถฟังเพลงได้นานต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง เพียงชาร์จไฟแค่ 15 นาที จึงไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดขณะเดินทาง  พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ด้วยราคา 3,490 บาท

“จากจุดเด่นของหูฟังจาบร้าในตระกูล Elite ทั้งในเรื่องการออกแบบและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้เรามั่นใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และช่วยให้อาร์ทีบีฯ