“ตรุษจีน” แห่งความเศร้า “ไวรัสมรณะ” แรงกว่าที่คิด

วันนี้ อังคารที่ 28 มกราคม 2563 เป็นวันขึ้นปีใหม่วันที่ 4 หรือ “ชิวสี่” ตามปฏิทินจีน งานตรุษจีนของประเทศต่างๆ รวมทั้งจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย น่าจะซาลงหมดแล้ว…ยกเว้นที่จังหวัดนครสวรรค์ หรือเมืองปากน้ำโพ ต้นน้ำเจ้าพระยา

เพราะวันนี้จะเป็นวันพีก หรือวันสำคัญสูงสุดของงานตรุษจีนที่นี่ ซึ่งจะมีพิธี “แห่เจ้าพ่อ เจ้าแม่” อันยิ่งใหญ่อลังการไปทั่วตัวเมือง เพื่อให้ชาวนครสวรรค์และนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสักการะอย่างทั่วถึง

นี่คือประเพณีตัวจริงเสียงจริงที่ทำให้จังหวัดนครสวรรค์โด่งดังไปทั่วประเทศ และย่านเอเชียทั้งไกลและใกล้ เนื่องจากมีการปฏิบัติด้วยความศรัทธาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 104 ติดต่อกัน

ตั้งแต่เช้าจดเย็นวันนี้ ทั้งตลาดปากน้ำโพจะกระหึ่มไปด้วยขบวนแห่สิงโตทุกเชื้อชาติ พร้อมด้วยมังกรทองนครสวรรค์ ฯลฯ

พี่น้องภาคอื่นๆ รวมทั้งพี่น้องชาว กทม. และปริมณฑล อ่านคอลัมน์ผมตอนเช้า หากจะไปดูขบวนแห่และร่วมบูชาเจ้าพ่อเจ้าแม่ก็ยังทันนะครับ เพราะปากน้ำโพแค่นี้เอง ขับรถ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว

ก็ต้องขออนุญาตประชาสัมพันธ์ทิ้งท้ายเทศกาลตรุษจีนให้เต็มที่ด้วยความเห็นใจประชาชนจีน และผู้คนเชื้อสายจีนที่ไปอยู่ในประเทศต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทยของเราด้วย

เพราะตรุษจีนปีนี้แรงจริงๆ เกิดโรคระบาดมรณะ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โคโรนา” ทำให้คนตายไปแล้วกว่า 50 ศพในประเทศจีนและล้มป่วยอีกเกือบพันคนที่เมืองอู่ฮั่น มลฑลหูเป่ย

ที่สำคัญเนื่องจากโลกเราทุกวันนี้แคบมาก การแพร่ระบาดค่อนข้าง รวดเร็วแผล็บเดียวไปถึงอเมริกา แผล็บเดียวไปถึงยุโรป มีคนเจ็บมีคนตายกระทบกระเทือนถึงเศรษฐกิจโลกอย่างใหญ่หลวง

หุ้นโลกเอย น้ำมันโลกเอย ราคาร่วงอย่างหนัก หลายวันติดกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ทราบว่าขึ้นสัปดาห์ใหม่เมื่อวานจะฟื้นขึ้นมาหรือยัง

ล่าสุดท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกคำสั่งมิให้บริษัททัวร์จีน จัดทัวร์นำคนจีนออกนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม จนถึงสิ้นเดือนเมษายน น่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวโลกอย่างหนักหน่วง

เฉพาะบ้านเราเอง ท่านผู้ว่าการ ททท. คาดว่านักท่องเที่ยวจีนอาจจะขาดหายไปเกือบๆ 2 ล้านคนในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า จะทำให้สูญเสียทางเศรษฐกิจเฉียดๆ หรือกว่า 50,000 ล้านบาท

เศรษฐกิจไทยที่ฝืดเคืองอยู่แล้วก็จะยิ่งฝืดเคืองต่อไปอีก ถือเป็นคราวเคราะห์ของโลกและของประเทศไทยเราด้วยอย่างแท้จริง

ผมก็คงต้องทำหน้าที่ให้กำลังใจ และปลอบใจนักธุรกิจทั้งหลายต่อไป ขอให้กัดฟันอดทนต่อสู้จนถึงที่สุดนะครับ

ถือเสียว่าไม่ใช่เราที่โชคร้ายประเทศเดียว แต่เป็นโชคร้ายของโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งโชคร้ายกว่าใครเพื่อน เพิ่งจะผ่อนปรนจากภาวะสงครามการค้าลงไปก็เกิดผลกระทบขึ้นใหม่ไม่แพ้สงครามการค้าเลยทีเดียว

แต่ก็ต้องชื่นชมท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างเฉียบขาด ถึงขั้นสั่งห้ามประชาชนออกนอกประเทศ เพื่อไม่ให้นำเชื้อไประบาดทั่วโลกต้องขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี้

เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วผมเขียนถึงเจ้าไวรัสมรณะตัวนี้ และหวั่นว่าจะมีผลกระทบต่อเทศกาลตรุษจีนบ้านเรา ซึ่งอาจจะทำให้ตรุษจีนหงอยลงกว่าที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ไว้

เนื่องจากเขาสำรวจไว้ก่อนไวรัสระบาดพบว่าตรุษจีนจะเหงาอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดโรคระบาดตามมา น่าจะเหงาขึ้นอีกหลายเท่า

แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงถึงขนาดนี้คือถึงขนาดสะเทือนเศรษฐกิจโลก 3-4 วันติดต่อกัน และเป็นผลมาถึงการสั่งห้ามคนจีนออกเดินทางท่องเที่ยวเกือบ 2-3 เดือนจากนี้ไป

เมื่อวันตรุษจีน (ชิวอิก) ที่ผ่านมาผมแวะไปดูการแสดง แสงสีเสียง ชุด “จักรพรรดิเทพ มังกรทอง” สูง 11 เมตร ที่หน้าห้างสรรพสินค้า เอ็มควอเทียร์ สุขุมวิท ซึ่งจัดได้อย่างยิ่งใหญ่ประทับใจมาก…พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางล่วงหน้ามาแล้วไปนั่งชมแน่นขนัด

กว่าครึ่งเขาสวมหน้ากากกันมาด้วยครับ ปรบมือสนั่นหวั่นไหวและผมเดาว่าภายใต้หน้ากากอนามัยที่ปิดปากปิดจมูกของพวกเขาอยู่นั้นทัวร์จีนกลุ่มนี้น่าจะมีรอยยิ้มที่เบิกบานสำราญใจจากการได้ชมโชว์อันสุดอลังการของห้างเอ็มควอเทียร์

ขอให้เดินทางกลับประเทศโดยสวัสดิภาพทุกๆ คนนะครับ และเมื่อพ้นกำหนดห้ามหลังไวรัสคลี่คลายแล้วอย่าลืมมาเที่ยวใหม่ล่ะ… ประเทศไทยยินดีต้อนรับเสมอครับ.

“ซูม”