เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา มีงานใหญ่งานหนึ่งที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ในชื่องานว่า “ศตวรรษวัฒนายุกาล 100 ปี พระพรหมมงคลญาณ วิ. (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร)” เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รวมทั้งโซเชียลต่างๆ
หลวงพ่อวิริยังค์ หรือ พระพรหมมงคลญาณ เป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย มีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ และเจ้าอาวาส วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร อายุครบ 100 ปี ในวันดังกล่าว บรรดาลูกศิษย์ลูกหาจึงร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มกราคมก็ได้มีพิธีฉลองอายุวัฒนมงคล 100 ปีของท่านเป็นการล่วงหน้าที่วัดธรรมมงคลฯ มาก่อนแล้ว โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี
หลวงพ่อวิริยังค์เป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนาและทำสมาธิเพื่อฝึกจิตให้มั่นคง เป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดรูปหนึ่งของ หลวงปู่มั่นภูริทตฺเถระ บูรพาจารย์ของพระสายป่า หรือสายวัดป่าในประเทศไทย
หลวงพ่อเกิดเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ.2463 จึงมีอายุครบ 100 ปี และอุปสมบทเมื่อ 20 พฤษภาคม 2484 จึงมีพรรษา 78 พรรษา
ผลงานของท่านนอกเหนือจากการสร้างวัดในประเทศไทยถึง 15 วัด ในแคนาดา 6 วัด วิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สาขานครราชสีมา 1 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กกว่า 5,000 แห่ง ฯลฯ แล้วยังเป็นผู้ให้กำเนิด สถาบันพลังจิตตานุภาพ ทั้งในประเทศไทยและประเทศแคนาดาอีกด้วย
สถาบันพลังจิตตานุภาพ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Willpower Institute นี่แหละครับที่ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นชาวต่างประเทศ และชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆ จำนวนมาก
เพราะเป็นสถาบันที่มุ่งสอนให้ผู้คนรู้จักทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังจิตแก่ประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพและทุกศาสนา
หลักสูตรที่มีการกล่าวถึงกันมากได้แก่ หลักสูตรครูสมาธิ ซึ่งมีการสอนไปนับร้อยรุ่น หลังจากตั้งสถาบันขึ้นเมื่อ พ.ศ.2541
ปัจจุบันมีสาขาถึงกว่า 130 สาขาทั่วประเทศไทย ท่านเคยเทศนาถึงประโยชน์ของการทำสมาธิว่ามีทั้งสิ้นถึง 12 ข้อ สรุปได้ย่อๆ ดังนี้
ทำให้หลับสบายคลายกังวล, กำจัดโรคภัยไข้เจ็บ, ทำให้สมองปัญญาดี, ทำให้รอบคอบก่อนทำงาน, ทำให้ระงับความร้ายกาจ, บรรเทาความเครียด, มีความสุขพิเศษ, ทำให้จิตอ่อนโยน, กลับใจได้, เวลาจะสิ้นลมพบทางดี, เจริญวาสนาบารมีและเป็นกุศล
ผมมีโอกาสมนัสการสัมภาษณ์หลวงพ่อวิริยังค์ครั้งแรกเมื่อ 30 กว่าปีก่อนโน้น จากการชักชวนของคุณ ประกิต อภิสารธนรักษ์ ประธานบริษัทประกิตโฆษณา เพื่อนที่เรียนเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์มาด้วยกัน
คุณประกิตศรัทธาท่านมาก ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านมากว่า 40 ปี และวันหนึ่งเมื่อท่านไปสร้างอาคารเรียนให้แก่ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา คุณประกิตก็ขอให้ผมไปมนัสการสัมภาษณ์ท่านที่หน้าอาคารสถาบันดังกล่าว
ผมก็นำเรื่องราวต่างๆ มาเขียนถึงในคอลัมน์นี้อยู่หลายวัน รวมทั้งคำเทศนาสั่งสอนวิธีทำสมาธิที่ง่ายที่สุด ที่ท่านสั่งสอนผมว่า
“โยมซูม ถ้าไม่มีเวลาก็เอาอย่างนี้ ก่อนนอนให้ท่องคำว่า พุธโธ เท่าอายุนะ อายุเท่าไร ก็พุทโธเท่านั้นครั้ง”
ผมปฏิบัติได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็จะพยายามปฏิบัติเสมอ บางครั้งได้ 10 ครั้ง 15 ครั้ง ถือว่าทอนอายุตัวเองกลับไปเป็นเด็กๆ อีกครั้งหนึ่ง
ล่าสุดคุณประกิตนิมนต์ท่านมาเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ ที่คุณประกิตเป็นหุ้นใหญ่ ผมก็ไปกราบนมัสการท่าน ท่านถามว่ายังเขียนหนังสืออยู่กับไทยรัฐใช่ไหม ขอให้เจริญๆ เขียนต่อไปนานๆ นะโยม
ผมเข้าใจว่าวันที่ท่านทักทายและให้ศีลให้พรแก่ผมนั้นน่าจะเป็นวันที่ท่านมีอายุประมาณ 99 ปี 10 เดือน
ความทรงจำของท่านยังแม่นยำและคำให้ศีลให้พรยังหนักแน่นจนไม่น่าเชื่อว่าท่านมีอายุใกล้จะถึง 100 ปีแล้ว
มีรายงานข่าวว่าในการจัดงานที่ไบเทค บางนา ลูกศิษย์ลูกหาได้มีมติเอกฉันท์นมัสการขอให้ท่านอยู่เป็นมิ่งมงคลต่อไป ถึงอายุ 120 ปี และท่านก็รับปากว่าถ้าอยู่ได้ก็จะพยายามที่จะอยู่
อนุโมทนาสาธุครับหลวงพ่อ.
“ซูม”