แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลิควิด มาสเตอร์ส 2019 จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อเติมสีสันให้กับวงการมิกโซโลจิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นปีที่สอง

การแข่งขันบาร์เทนเดอร์ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลิควิด มาสเตอร์ส 2019 ครั้งที่สอง จัดขึ้นในวันที่ 19 ถึง 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ เอ บาร์ บาร์สุดเก๋ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

โดย 19  มิกโซโลจิสต์ระดับมือโปร จากเก้าโรงแรมในเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล จากสิบเมือง ทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม อาทิ เดอะริทซ์-คาร์ลตัน, เซนต์ รีจิส, ดับเบิลยู โฮเทล, เจ ดับบลิว แมริออท, แมริออท โฮเทลส์, เลอ เมอริเดียน, เวสติน, เรอเนซองส์ และอื่นๆ ได้มาร่วมชิงชัยในการแข่งขันระดับภูมิภาคที่เต็มไปด้วยการโชว์ความสามารถพิเศษ การแสดงออก และทักษะอันน่าตื่นเต้น โดยผู้แข่งขันได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมดในการผสมเครื่องดื่มอย่างมีศิลปะ เพื่อรังสรรค์เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง งานนี้นำเสนอเมนูที่น่าตื่นตาตื่นใจจากเหล้าคราฟต์ อาทิ รัมนูซา กานยา ทรอปิคัล ไอส์แลนด์, ยิน นูอาซอง, รัมดิปโพลมาติโก, เหล้าผสมมิสเตอร์แบล็กโคลด์บรูว์ คอฟฟี่ ลิเคียว, รอยัลเวอร์มุท ลากวินตินเย และเหล้าผสมกิฟฟาร์ด

“เราให้ความสำคัญกับพนักงานซึ่งเป็นหัวใจของการเติบโตและความสำเร็จของบริษัท เราเดินหน้าเปิดโอกาสให้ผู้มีฝีมือได้พัฒนาตัวเองและแจ้งเกิด แล้วสิ่งนี้ก็จะยกระดับประสบการณ์ให้พิเศษและเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับแขกผู้มาเยือน” ปีเตอร์ ราบา รองประธาน ฝ่ายการจัดการอาหารและเครื่องดื่ม แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “ในการจัดงานที่สนุกสนานและให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเช่น ลิควิด มาสเตอร์ส 2019 นี้ เราหวังให้บาร์เทนเดอร์มากฝีมือของเราได้ใช้เวทีนี้เพื่อโชว์ทักษะ ยกระดับความสามารถด้านการผสมเครื่องดื่ม และแสดงให้ผู้คนในวงการได้เห็นถึงความเป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ”

การแข่งขัน แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลิควิด มาสเตอร์ส 2019 มีผู้เข้าร่วมมากกว่าปีที่แล้ว โดยมีบาร์เทนเดอร์ระดับท็อป 19 คนจาก 5 ประเทศเข้าร่วมใช้เวลาแข่งขันทั้งหมด 3 วัน ที่รวมไปถึงการทำเวิร์กช็อป การแข่งขันย่อย และกิจกรรมการสร้างความสัมพันธ์อันดีในทีม โดยมีเหล่ามืออาชีพของวงการนี้มาให้ความรู้และการสนับสนุนกับผู้เข้าแข่งขันทุกท่าน งานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะพัฒนาและเพิ่มความรู้และทักษะให้แก่บาร์เทนเดอร์ รวมถึงตอกย้ำถึงความเป็นมืออาชีพ

ในแต่ละวัน บาร์เทนเดอร์จะมีโอกาสเก็บคะแนนในด้านการมีส่วนร่วม การทำงานเป็นทีม แบ่งปันความรู้ โชว์ความกระตือรือร้น รวมถึงมีการประกาศผู้ชนะในแต่ละวัน ซึ่งจะปิดท้ายค่ำคืนด้วยการเยี่ยมชมบาร์ค็อกเทลชั้นนำของกรุงเทพฯที่คัดสรรมาแล้ว ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้ตื่นตากับสไตล์และเทคนิคที่แตกต่างของบาร์เทนเดอร์ของบาร์แต่ละแห่ง และการแข่งขันรอบสุดท้ายในวันที่ 3 บาร์เทนเดอร์ต้องรังสรรค์ค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่สร้างสรรค์ขึ้นเอง โดยใช้ส่วนผสมระดับพรีเมียม ภายใต้โจทย์เรื่องนวัตกรรมและความยั่งยืน บาร์เทนเดอร์จะต้องนำเสนอเรื่องราวของค็อกเทลนี้ และตั้งชื่อเมนูดังกล่าวด้วย

กิริ อัสต้า บาร์เทนเดอร์หนุ่มวัย 22 ปี จากเดอะ เซนต์ รีจิส บาหลี รีสอร์ท ผู้ได้คะแนนรวมมากที่สุดในการแข่งขันตลอดทั้งสามวัน คว้าตำแหน่งแชมป์การแข่งขันแมริออท ลิควิด มาสเตอร์ 2019 จากการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นการทำงานเป็นทีมได้อย่างดี

รวมถึงมีความรู้และทักษะในเชิงลึก และมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีกลิ่นอายแบบทรอปิคัลอย่างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นการร่วมแข่งขันระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศพร้อมด้วยรางวัลเป็นชุดอุปกรณ์ทำค็อกเทลมูลค่าถึง 600 ดอลล่าร์สหรัฐมาได้ แถมด้วยรางวัลใหญ่ที่เป็นเซอร์ไพรส์พิเศษ คือทริปเยือนประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เลื่องชื่อเรื่องบาร์ โดยทางแมริออทจะเป็นผู้สนับสนุนและดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รวมถึงการเดินทาง ที่พักสองวันสามคืน ณ โรงแรมในเครือแมริออท และการไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ณ สุดยอดบาร์ของประเทศนั้นๆ อีกด้วย

ส่วนผู้ชนะเลิศอีกตำแหน่งคือ บาร์เทนเดอร์สาวไทย น้ำฝน เจริญสว่าง จากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ที่คว้ารางวัล สุดยอดค็อกเทลไปครองด้วย “โกลว์ โกลด์” ที่ถ่ายทอดความคิดความเชื่อของคนไทยที่ว่าสีทองเป็นสีแห่งความมงคลและมั่งคั่ง ซึ่งเหล่าคณะกรรมการต่างเทคะแนนให้จากสไตล์ซิก  เนเจอร์แบบ “สปิริต ฟอร์เวิร์ด” ของเธอที่เน้นการผสมเฉพาะเครื่องดื่ม                     แอลกอฮอลล์หลากหลายชนิดที่ทำให้เกิดรสชาติใหม่ๆ รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบของไทย อย่างขนุนอบแห้งและใบเตย

โดยในงานนี้ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในวงการมาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ได้แก่ แซม จีวอนส์ ที่ปรึกษาด้านค็อกเทลชื่อดังของเอเชีย, อาร์ลีน หว่อง แบรนด์แอมบาสเดอร์ของมิสเตอร์แบล็กในเอเชีย ร่วมด้วยคณะกรรมการเฉพาะกิจอย่าง กษิดิศ ศรีวิลัย จากนิตยสารแอล และ วรรษชล คัวดรี้ จากนิตยสารจีคิว

“ในเอเชีย แปซิฟิก เรามีรูปแบบการรับประทานอาหารที่น่าตื่นเต้นหลากหลาย การมีทางเลือกของอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ในการลิ้มลองอาหารที่ถือเป็นความสำคัญทางวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้” ราบากล่าวเสริม “ด้วยการที่โรงแรมในเครือแมริออทมีร้านอาหารกว่า 2,800 แห่งในเอเชีย สะท้อนให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มโดยเน้นความเป็นท้องถิ่นและนำเสนอผ่านคอนเซปต์ที่น่าประทับใจ และมีการออกแบบที่เฉพาะตัว และแน่นอน เต็มไปด้วยพนักงานผู้มีฝีมือระดับโลก และเราภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้ดูแลและส่งเสริมความสามารถให้แก่เชฟและบาร์เทนเดอร์ที่มีความโดดเด่น ผู้ที่เป็นกำลังหลักในการสร้างสรรค์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมในโรงแรมต่างๆ ของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล”