ดานัง-ฮอยอัน เวียดนามกลางมีไรดี มาดูกัน

ทริปนี้ของเราเลือก “เวียดนาม” ที่มีหลากสถานที่น่าสนใจมากมาย สุดท้ายเราก็ตกลงปลงใจกันมาที่ ดานัง-ฮอยอัน เพราะกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ไปดูกันคะว่า 5 วัน 4 คืน ของเราในเวียดนามเป็นอย่างไรนะคะ

ตี 5 ของเช้าวันอาทิตย์ เรามุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เราเลือกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยสายการบิน Thai Vietiet Air เวลาเดินทางของเราคือ 9 โมงเช้า ขอบอกเลยว่าสายการบินนี้ ตรงเวลามากกเว่อร์..!! (เขาเปิดเกทเร็วมาก) แนะนำว่าให้ไปเดินเล่นรอที่สนามบินดีกว่านะจ๊ะ..  เพราะเราเคยตกเครื่องมาแล้ว 555

พอ 9 ปุ๊บ เขาก็เรียกขึ้นเครื่องทันที ขอบอกว่า “ตื่นเต้น..!”  และไม่กี่อึดใจ เราก็มาถึงที่สนามบิน ดานัง ไชโย

เมื่อลงเครื่องผ่าน ตม. เสร็จ สิ่งแรกที่เราจะเห็นคือ ร้านขาย ซิมการ์ดโทรศัพท์ ที่เรียงรายกันเต็มไปหมด มีให้เราเลือกมากมาย เราเลือกซิมการ์ดในราคา 180,000 ดอง ซึ่งใช้ได้ 5 หรือ 7 วัน ก็ไม่รู้ จำไม่ได้จริงๆ (.. เค้าผิดไปแล้ว..)

เมื่อซื้อซิมการด์เรียบร้อยแล้ว ก็เรียก Grab เลย (ที่เรียก Grab เพราะว่ากลัวโดนแท๊กซี่โกงค่ารถ ) 

ในทริปนี้เราได้เลือกพักที่ โรงแรม Happy Day Hotel เพราะอยู่กลางใจเมืองดานัง เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก และราคาไม่แพงอีกด้วย

Check-in เสร็จก็เที่ยงพอดี ท้องก็ร้อง จ๊อกๆ ไหนๆ มาถึงถิ่นเขาทั้งทีเราก็ต้องไปกินอาหารพื้นเมืองเขาสักหน่อย

เริ่มปักหมุดกันเลยยยย…เดินตาม Google map มา 10 นาที เราก็ยังหาร้านไม่เจอ โอ๊ย.. หมุดที่ปัก ใน Google map  ไม่ตรงกันร้านทำไงละทีนี้.! ก็เลยต้องโชว์สกิลการสปีคอิงลิช กันหน่อย

พอเราโชว์ชื่อร้านในเขาดูเท่านั้นล่ะ เขาก็รีบเขียนที่อยู่ร้านให้เราเลย 555 แสดงว่า ต้องมีคนมาหลงมาแถวนี้บ่อยแน่นอน

หลังจากได้ที่อยู่แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ เปิด Google map เลยค่ะ เดินไปแค่ 2 กี่โลเมตรเอง ชิลๆ ว่าไปอากาศบ้านเขาก็ร้อนอยู่นะ คิดว่าอยู่เมืองไทย 5555

เดินๆ ไปคอก็เริ่มแห้งแต่สะดุดตาร้านน้ำผลไม้ข้างทาง ด้วยความอยากชิมเลยจัดไปเลยจ๊ะ คนละแก้ว (แอบคิดอยู่ในใจว่ามันจะหวานเว่อร์มั้ย..) แต่ที่ไหนได้ โอ้…!!! มันอร่อยหวานชื่นใจมาก…ผ่านคะ ด้วยราคา 10,000 ดอง หรือ แก้วละ 14 บาท เท่านั้นเอง 

เมื่อเติมน้ำตาลกันแล้ว ก็เดินต่อไปจนถึงร้าน.. ตามบ้านเลขที่ ที่เขาเขียนไว้ให้ เดินหาง่ายไม่ยาก ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆ ต้องสังเกตป้ายชื่อร้านหน้าปากซอยนิดนึง  ร้านจะอยู่เข้าไปในซอย ประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่สุดซอยเลย

พอมาถึงโอ้โห้..!! แม่เจ้าคนเยอะไปไหนโชคดีที่เราไม่ต้องต่อคิว  มีโต๊ะว่างพอดี ได้โต๊ะแล้วก็สั่งอาหารสิจ๊ะอย่าช้า…ด้วยความอยากชิม เลยสั่งกันอย่างหน้ามืด งานนี้ละเต็มโต๊ะกันไปเลยค่าาาา…

แต่คือว่าเขากินกันยังไงล่ะนี่ 555  ไอ้เราก็แอบเหลือบมอง และแอบจำโต๊ะข้างๆ กินผิดกินถูก จนน้องทางร้านคงไม่ทนไม่ไหวเลยเดินมาสอนวิธีการกินให้ 555

อิ่มท้องแล้วเรามาดูกันสิว่า ข้าวมื้อแรกของเราราคาเท่าไร มื้อนี้ 270,000 ดอง 378 บาท ก็ถึงว่าไม่แพงให้ผ่าน..

อิ่มท้องแล้วเราก็เดินย่อยกันสักหน่อย แต่มาสะดุดตากันร้านนี้.. ที่มีคนเต็มร้านบวกกับโต๊ะที่นั้งที่ดูแปลกตา ด้วยความอยากรู้ก็ต้องเดินเข้าไปดูสิจ๊ะ โอ้ว…นี่คือ ร้านของหวาน..!!  ไหนๆ แล้ว กินของคาว ไม่จบด้วยของหวานมันก็จะไม่จบสูตร คิคิ

พวกเราจึงเดินเข้าแบบมีความหวัง แต่กลับดับลงเมื่อ พนักงานที่ร้านสปีคอิงลิชไม่ได้ แถมเมนูไม่มีภาษาอังกฤษอีก.. ทำไงละที่นี้ก็เลือกวิธีจิ้มเอาละกัน 555 บอกเลยว่าแต่ไม่ผิดหวัง..!! เพราะมันอร่อยมาก น้ำกระทิเขาดี ไม่หวานมาก อร่อยบวกกับพุดดิ้ง ที่เขาใส่มาก็อร่อยเข้ากัน แต่ที่เด่นสุดคือ เขาใส่ทุเรียนลงไปในนั้นด้วย โอมายก๊อช…!!

พอทานกันคู่กันแล้วมันเข้ากันได้อย่างลงตัว ทั้งแปลก ทั้งฟินสุดๆ รับรองเลยว่าถ้าใครสายของหวาน ร้านนี้ต้องไปโดน ใครสายทุเรียนต้องไปลอง ราคาอยู่ที่ถ้วยละ 20,000 ดอง หรือ 24 บาทเอง ฟินมาก…ผ่านคะ.. บอกเลยนะว่าร้านนี้ Grab food เยอะมาก

หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้วเราได้เดินไปเช็คอินกันต่ออีกหนึ่งสถณาที่คือ โบสถ์คริสต์ดานัง (Danang Cathedral) หรือที่เรียกกันว่า ‘โบสถ์คริสต์สีชมพู‘ อยู่ตรงใจเมืองดานัง เป็นโบสถ์สีชมพูอ่อนๆ โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นสมัยที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ถ่ายรูปเช็คอินกันเรียบร้อยแล้ว หนังท้องก็ตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วว ขอเข้าไปพักผ่อนสักหน่อยก่อน

หลังจากงีบเติมแรง ตื่นขึ้นมา เฮ้ย… เย็นแล้วหรอ เราเตรียมตัวกันที่จะไปดูโชว์ที่ สะพานมังกร (Dragon Bridge) สะพานแห่งนี้ใช้ข้ามแม่น้ำฮัน (Han River) ที่เมืองดานัง ถึงว่าเป็นแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาด ต้องไปเช็คอิน ถ่ายรูปกัน

ทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์ ประมาณ 21.00 น. มังกรสีเหลืองทองจะพ่นไฟและน้ำโชว์ แต่เสียใจ วันที่ไปฝนตก เลยอดได้ดูโชว์ แต่ไม่เป็น เราก็หาอะไรปลอบใจแทน โดยจะพาไปกินอาหารทะเล มาดานัง ทั้งทีไม่กินอาหารทะเลของขึ้นชื่อที่นี้ได้ไง 

ไม่รอช้า เรียก Grab เลยจ๊ะ พอขึ้นรถแล้ว Grab คุยกับเราว่าเขาจะพาเราไปกินอาหารทะเลที่อร่อมมาก เราตอบ ok แต่พอไปถึงกับพาเรามาอีกร้าน ก็งง กันสิงานนี้ คืออะไร…. ทำไมไม่พาเราไปตามหมุดที่เราเรียกคิดในใจหมอนี้ต้องได้หัวคิวแน่นอน ถึงพาเรามาร้านนี้  นี้เหรอ..!! ร้านอร่อย อร่อยยังไง อร่อยจนร้านเงียบ 555 ด้วยความไม่ยอมจนในที่สุดเราก็ได้มาถึงร้านที่หมายปอง

โอ้.. คนเยอะไปไหน ได้เลขโต๊ะแล้วจะรออะไรเดินไปสั่งอาหารกัน แต่จะบอกเลยว่าร้านนี้ เป็นร้านที่สั่งอาหารมันมาก แต่ที่มันไปอีกคือน้องๆ ที่รับออร์เดอร์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย งานเข้าแล้วจ้า.. ใช้ภาษามือกับจนเมื่อย แต่รับรองว่าได้กินอาหารทะเลที่สด แน่นอน  

มีอาหารทะเลหลากอย่างให้เลือก ทั้ง ปูม้า ปูทะเลตัวละโล แม่เจ้าใหญ่มาก กุ้งทะเล กุ้งร็อบเตอร์ หอยนางรมสดๆ ใหญ่เท่ามือ โอ๊ยยยย…คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าที่รอคอยมาก อาหารก็รอทำไม่นาน ฟินทุกเมนูจริงๆ รวมถึงราคาไม่แพงอย่างที่คิดด้วย จะบอกว่าของเขาสดจริง..

เนื้อกุ้งนี้หวาน แทบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย และอาหารมื้อนี้ พวกเรากินกันไปถึง… OMG 1,800,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ พันแปดร้อยกว่าบาท ก็ถึงว่าไม่แพง แถมอร่อย คุ้ม กินเสร็จฝนก็เท่ลงมาหนัก ทำให้เราไปไหนต่อไม่ได้ ก็คงต้องกลับที่พักผ่อนสินะเรา ไม่เป็นไรถือว่าไปพักเก็บแรงไว้เที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ อ๋อ…!! แอบลืมบอกชื่อร้าน ร้านมีชื่อว่า HAI SAN BE MAN นะจ๊ะ

วันที่ 2 เรายังคงอยู่กันที่ดานังแต่เราต้องทำการ check out เตรียมที่จะขึ้นไปบน Bana Hills ตอนบ่าย แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง ระหว่างทางเมื่อวานเราได้เจอร้านอาหารร้านนึงน่าสนใจ เลยคิดกันว่าหลังเช็ค check out เสร็จ เราจะไปลอง ร้านอยู่ห่างจากโรงแรมไม่ไกล เดินไปแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

มันก็คือ “ร้านข้าวแกง” บ้านเขานี้เอง แปลกดี บอกเลยว่า ร้านนี้คนเยอะมาก ก็จะเหมือนร้านข้าวแกงที่เมืองไทย มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา กลุ่มพนักงานออฟฟิศ มากินกัน ที่นี่ให้ข้าวเยอะมาก แต่ที่ แปลกก็คือ เขาให้เราเลือกกับข้าวที่เป็นเนื้อสัตว์ได้แค่อย่างเดียว แต่ที่เหลือจะเป็นผัก อันนี้แปลกดี..  หรือใครสั่งไม่เป็นเขาจะแนะนำตามเมนูที่มีพนักงานที่นี้เขาน่ารัก แต่คนเวียดนามส่วนมาก เขาจะแน้น กินผัก มากกว่ากินเนื้อสัตว์ 

อิ่มท้องแล้วเราเดินสายไหว้พระทำบุญกันสักหน่อย เพราะยังมีเวลาเหลือ สถานที่ต่อไปคือ วัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นวิวหาดหมีเควได้  มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาว สูงถึง 67 เมตร ชาวเมืองดานังให้ความเคารพกับเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าช่วยคุ้มครองชาวเรือประมงให้ปลอดภัย คนจึงนิยมมากราบไหว้เพื่อขอพรให้กิจการงานรุ่งเรือง เฮงๆ ปังๆ กัน  

ไปทำบุญกันเสร็จละ ก็ลงมาหา คาเฟอีน กินกันสักหน่อย สำหรับคอกาแฟบอกเลย ว่าห้ามพลาด ดูจากการแต่งตัวของพนักงานจะคล้ายๆ กับ ชุดทหารเวียดนาม รวมไปถึงรสชาติของกาแฟ บอกคำเดียวเลยว่า ร้านนี้เด็ดขาด ต้องเช็คอินคะ ร้านมีชื่อว่า Cong Ca Phe ราคาก็ไม่แพงด้วย แถมอร่อย บอกเลยว่าร้านนี้ รัก กลับมาครั้งหน้าต้องมาจัด

บ่ายแล้ว.. ขอวาร์บ.. ไปเจอกันที่ Bana Hills เมืองแห่งเทพนิยาย ในตอนต่อไปนะคะ

เมย์ไหน ใครชวนเที่ยว