The Lion King (musical) สมราคา “แชมป์” บรอดเวย์

หัวหน้าทีมซอกแซกได้ยินชื่อเสียงและกิตติศัพท์ของละครเวที “The Lion King” มา 20 ปีแล้ว ตอนนั้นประมาณ ค.ศ. 1999 ช่วงจูงมือลูกชายคนเล็กไปเรียนหนังสือที่นิวยอร์กแล้วเดินผ่านหน้าโรงละครนิวอัมสเตอร์ดัม เธียเตอร์ ที่ถนน 42 ตัดบรอดเวย์ ตอนค่ำๆ ซึ่งขึ้นป้ายหน้าโรงบอกว่ากำลังแสดงละครเรื่องนี้อยู่

เห็นผู้คนไปยืนยาวเฟื้อยเพื่อรอคิวเข้าชมเลยก็อดถามเพื่อนๆ คนไทยในนิวยอร์กที่เดินไปด้วยกันว่า ละครเรื่องนี้ท่าจะฮิตนะ! คนดูแยะจัง เยอะที่สุดเท่าที่เดินผ่านบรอดเวย์คืนนี้เลยล่ะ

เพื่อนตอบว่า “ฮิตมาก” แสดงมาแล้วประมาณ 2 ปี หนังสือพิมพ์ที่นี่ชื่นชมมาก บอกว่าเป็นมิวสิคัลที่ยอดเยี่ยมที่สุด ฉากสวยเพลงเพราะ ตัวแสดงเยี่ยมมาก สามารถสวมบทบาทของสารพัดสัตว์จากภาพยนตร์แอนิเมชันของวอลท์ดิสนีย์ให้มาร้อง เล่น เต้นระบำ บนเวทีบรอดเวย์ได้อย่างสุดประทับใจ

จากวันนั้นเป็นต้นมา หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสไปนิวยอร์กหลายครั้ง ผ่านหน้าโรงละครทีไร (ตอนหลังย้ายไปที่ มินสคอฟ เธียเตอร์) ก็ยังแน่นอยู่นั่นแหละ และก็คงต้องบอกว่าวาสนาของหัวหน้าทีมซอกแซกยังไม่ถึงจึงไม่ได้ดูการแสดงที่บรอดเวย์ เพราะทุกครั้งที่ไป บัตรก็เต็มทุกทีและเราก็ไม่มีเวลาที่จะไปยืนรอซื้อตั๋วหน้าโรงเหมือนฝรั่งจำนวนมากที่ชอบไปรอเผื่อฟลุกกรณีมีคนที่ซื้อแล้วมาดูไม่ได้ เขาก็จะเอามาขาย ซึ่งคืนหนึ่งๆ มีเพียงไม่กี่สิบราย

เผลอแผล็บเดียวเวลาผ่านไป 20 ปี นับจากวันที่หัวหน้าทีมไปยืนที่หน้าโรงครั้งแรก และก็ผ่านไป 22 ปี นับตั้งแต่ “เดอะ ไลออนคิง” ฉบับบรอดเวย์ ขึ้นสู่เวทีการแสดง ปรากฏว่าละครเรื่องนี้ก็ยังแสดงอยู่และไม่มีทีท่าเลยว่าจะเลิกหรือลาโรงเมื่อไรแน่

ที่สำคัญโกยเงินไปแล้วทั้งสิ้นจากสถิติเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา รวมแล้วกว่า 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 48,000 ล้านบาท สูงสุดตลอดกาลกว่าละครทุกเรื่องที่เปิด

แสดงที่บรอดเวย์ เอาชนะอันดับ 2 อย่าง Wicked ที่ทำได้ประมาณ 1,300 ล้านเหรียญ และอันดับ 3 อย่าง แฟนธอม ออฟ ดิ โอเปรา ซึ่งทำเงินได้ประมาณ 1,200 ล้านเหรียญไปอย่างขาดลอย

หรือถ้าเทียบกับ แฟนธอม โดยเฉพาะก็ต้องถือว่า ไลออนคิง ชนะอย่างหมดจด เพราะได้เงินมากกว่า แต่รอบแสดงน้อยกว่า โดยนับมาถึง 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ บรอดเวย์ ไลออนคิง แสดงไป 9,098 รอบ แต่ แฟนธอม ออฟ ดิโอเปรา แสดงไปแล้วถึง 13,166 รอบ

ไม่เพียงแค่แสดงที่บอร์ดเวย์ละคร เรื่องนี้ยังไปทำเงินมโหฬารที่เวสต์เอนด์ ลอนดอน และก็ยังโกยอยู่แม้เดี๋ยวนี้ อีกทั้งไปแสดงทั่วโลกไล่ตั้งแต่แคนาดา, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, สเปน, จีน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, เม็กซิโก ฯลฯ

ล่าสุด เดอะไลออนคิง (มิวสิคัล) ก็มาถึงเมืองไทย โดยยกชุดมาขึ้นเวที เมืองไทยรัชดาลัย ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่แล้วนี่เอง และเปิดรอบกาลาพรีเมียร์ สำหรับแขกพิเศษของ บีอีซี เทโร+ซีเนรีโอ ที่จับมือกันเชิญละครเรื่องนี้มาแสดงในเมืองไทย เมื่อวันอังคารที่ 17 กันยายน

หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสเป็น 1 ในแขกรับเชิญกับเขาด้วย จึงเท่ากับว่าได้ดูละครเรื่องนี้เสียทีนึง สิ้นสุดการรอคอย 20 ปี (จากวันที่เดินผ่านโรงละครนิวอัมสเตอร์ดัม เธียเตอร์ บรอดเวย์ นิวยอร์ก ตามที่เล่าไว้) ในประเทศไทยเรานี่แหละครับ

แน่ละ ชุดแสดงประเภทเดินสายทั่วโลกเช่นนี้ ถ้าเทียบกับชุดที่ปักหลักอยู่ที่นิวยอร์ก หรือลอนดอนก็ต้องตกประมาณ “เดี่ยวมือ 3” เพราะ มือ 1 มือ 2 เขาต้องให้แสดงที่โน่น

แต่จากการคัดสรรมาอย่างเต็มที่ เพราะเขาก็คงไม่ยอมให้เสียชื่อยี่ห้อของต้นตำรับอันได้แก่ ดีสนีย์ เธียตริคัล โปรดักชัน ดังนั้น แม้ระดับเดี่ยวมือ 3 ก็ต้องถือว่าฝีมือจัดจ้านทุกคน

เริ่มจากตัวพ่อพระเอก หรือ มูฟาซา ซึ่งมาในมาด “ราชันแห่งสิงโต” แห่งทุ่งหญ้าสะวันนา ผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่น้องชายของเขาที่ชื่อ สการ์ ตัวโกงที่แอบหวังจะเป็นราชันแทนหากพี่ชายตาย รับบทโดย แอนโทนี ลอว์เรนซ์ ก็เล่นบทโกงได้อย่างเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะคู่พระ คู่นาง ก็ได้ จอร์แดน ชอว์ หนุ่มผิวสี กล้ามล่ำบึก มาเป็น “ซิมบ้า” สิงโตวัยหนุ่มที่ร้องเพลงได้เนี้ยบอย่างไม่น่าเชื่อว่าคนมีกล้ามจะร้องได้ไพเราะขนาดนั้น

รวมทั้ง อมันดา กูเนเน ที่รับบท นาล่า สิงโตวัยสาวคู่ขวัญของซิมบ้า แม้จะตัวเล็กไปนิดแต่เสียงร้อง เสียงพูดของเธอก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ในเทปที่เคยฟังจากฉบับบรอดเวย์

อีก 2 ตัวละครเอก ถ้าเป็นไทยๆ ก็คือ “ตัวตลกตามพระเอก” หรือ “ผู้ช่วยพระเอก” อันได้แก่ เจ้าแมวเมียร์แคต ที่มีชื่อว่า ทีโมน และเจ้าหมูป่าที่ชื่อว่า พุมบา ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิด 2 คนของซิมบา ยามที่ต้องระหกระเหินหนีจากถิ่นเกิดเข้าสู่ป่าลึก ก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเรียกเสียงฮาจากคนดูไทยได้ตลอดเรื่อง (รวมทั้งมุกพูดภาษาไทย 1 คำ)

สำหรับเพลงประจำเรื่องที่ส่วนใหญ่ประพันธ์โดย เซอร์เอลตัน จอห์น และ เซอร์ทิม ไรซ์ 2 ศิลปินเอกจากอังกฤษนั้น ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะแต่งได้อย่างเฉียบขาดไพเราะจับใจทุกเพลงอยู่แล้ว โดยเฉพาะ “Can You Feel The Love Tonigh” เพราะมากกกกส์ รวมทั้งเพลง “Circle of Life” หรือวัฏจักรของชีวิตที่มีความหมายลึกซึ้ง

ฉากสวยมากทุกฉาก และก็ชอบทุกๆ ฉากคนที่เคยดูที่บรอดเวย์ บอกว่าเวทีเขาใหญ่กว่าเราหน่อย ทำให้ของเราดูอลังฯน้อยไปนิด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดูบรอดเวย์อย่างหัวหน้าทีมดูแล้วก็โอเค ไม่มีอะไรติติง

สรุปว่าสมราคาที่ละครเรื่องนี้ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของบรอดเวย์ และสมกับการรอคอยมา 20 ปีเต็มของหัวหน้าทีมซอกแซก…ส่วนว่าจะทำเงินได้มากน้อยเป็นสถิติของเมืองไทยหรือไม่คงต้องดูกันต่อไป เพราะในภาวะเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ คนไทยเราต้องประหยัดรัดเข็มขัดกันโดยอัตโนมัติ อาจจะไปดูละครเรื่องนี้น้อยกว่าที่คาดไว้

“The Lion King (musical)” จะลงโรงแสดงที่เวทีโรงละครเมืองไทยรัชดาลัยถนนรัชดาภิเษก จนถึงวันที่ 27 ตุลาคมนี้ หาข้อมูลรายละเอียดและจองบัตรได้ที่ไทย-ทิคเก็ต เมเจอร์ทุกสาขาตั้งแต่บัดนี้ครับ.

“ซูม”