ถึงแล้ว “โคเปนเฮเกน” เมืองหลวงสแกนดิเนเวีย

หัวหน้าทีมซอกแซกเขียนไว้บ้างแล้วในคอลัมน์วันธรรมดาว่าเดนมาร์กเป็นประเทศเล็กๆ ประกอบขึ้นจากเกาะประมาณ 400 กว่าเกาะ รวมเนื้อที่ทั้งหมดเพียง 43,077 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทยเกือบ 12 เท่า และมีประชากรแค่ 6 ล้านคน น้อยกว่าเรา 10 เท่าตัว

แต่ก็เข้าทำนองจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะรายได้ของประเทศค่อนข้างสูง โดยเฉพาะรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนเดนมาร์กอยู่ที่ 50,541 เหรียญสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 17 ของโลก มากกว่าไทย ซึ่งอยู่ที่ 17,871 เหรียญสหรัฐฯ หรืออันดับที่ 71 ของโลก ประมาณเกือบ 3 เท่าตัว จากการรายงานปีที่ผ่านมาของธนาคารโลก

เมืองหลวงของเดนมาร์กได้แก่ โคเปนเฮเกน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะซีแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคนเศษ ถือว่าสบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปนัก

ว่ากันว่า โคเปนเฮเกนมีอายุกว่า 900 ปีแล้ว เป็นเมืองหลวงของเมืองโคนมมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 15 และเนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศสแกนดินาเวีย แถมยังเปรียบเสมือนประตูที่ใครจะไปจะมากลุ่มประเทศย่านนี้ต้องผ่านที่นี่ ทำให้โคเปนเฮเกนได้ฉายาอีกอย่างหนึ่งว่า “เมืองหลวงของสแกนดิเนเวีย”

ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่มาแต่โบราณ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสู่สมัยใหม่ควบคู่ไปด้วย ทำให้โคเปนเฮเกนเป็นเมืองแห่งการผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่อย่างลงตัวอย่างยิ่ง กล่าวคือมีทั้งตึกรามบ้านช่อง อาคาร ปราสาท ราชวังแบบโบราณ สีอิฐระคนอยู่กับอาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นใหม่ในสไตล์ใหม่ๆ ทันสมัยเคียงข้างกันอยู่ตลอดทั้งเมือง

คณะสื่อมวลชนไทยเข้าพักที่โรงแรม เรดิสสัน บลู สแกนดิเนเวีย โคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นตึกใหม่ทันสมัยสูงกว่า 20 ชั้น และห้องพักของหัวหน้าทีมอยู่บนชั้น 22 ตื่นเช้าวันแรกเปิดม่านหน้าต่างมองไปข้างนอกถึงกับตื่นตะลึง นึกว่าใครเอาปฏิทินผืนใหญ่มาแขวนไว้นอกหน้าต่าง

เป็นภาพตัวเมืองเก่าหลังคาแหลม มีแม่น้ำ มีทะเลรายรอบ มีดวงอาทิตย์กำลังขึ้นประดับอยู่ด้านหลัง สวยงามอย่าบอกใคร

เราพักอยู่ที่นี่ 4 คืน แต่มีเวลาแค่ 3 วัน เพราะวันแรกมาถึงเอาค่ำเต็มทีแล้ว…และใน 3 วันที่ว่าก็ดูงานเสีย 2 วันเต็มเหยียด มาได้เดินเที่ยวชมเมืองเก็บตกเอาในวันสุดท้ายก่อนกลับนั่นเอง

ได้มีโอกาสไปเยือน ปราสาทโรเซนบอร์ก ที่เคยเป็นพระราชวังกษัตริย์เก่า ปัจจุบันเก็บรักษาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของราชวงศ์โบราณ รวมทั้งมงกุฎทองคำและอาวุธยุทโธปกรณ์…ใครไปเดนมาร์กและอยากรู้เรื่องเก่าๆของประเทศนี้ควรแวะไปที่นี่

มีโอกาสไปเดินที่จัตุรัสกลางเมือง หรือ Town Hall Square มีศาลาว่าการเมือง มีสวนสาธารณะเล็กๆ ตั้งอยู่ และมีทางเดินออกไปซ้ายขวาหน้าหลังได้ทั้ง 4 ด้าน เข้าสู่ย่านช็อปปิ้งที่เป็นถนนคนเดินทั้งสาย ที่คนเดนมาร์กนิยมไปเดินและเรียกเป็นภาษาเดนมาร์กว่า สตร้อยก์ (Stroget) 2 ฟากถนนเป็นร้านรวงมีข้าวของขายเต็มไปหมด โดยเฉพาะพวกแบรนด์ดังต่างๆ มาตั้งร้านกันเพียบ

ระหว่างเดินย่ำไปตามถนนคนเดินนั่นเอง หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสผ่านร้านขาย LECO ของเด็กเล่นประเภทเอาชิ้นส่วนเล็กๆ มาต่อกันให้เป็นบ้านเป็นเมือง หรือตุ๊กตุ่นตุ๊กตาต่างๆ ที่เด็กๆ นิยมทั่วโลกร้านหนึ่ง…ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเดนมาร์กนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของ LECO เมื่อ 80 ปีที่แล้ว และคำคำนี้ก็มาจากภาษาเดนมาร์กที่แปลว่า “เล่นดี” นั่นเอง

ว่าแล้วหัวหน้าทีมก็แวะเข้าไปในร้านเลโก้ที่ว่าซื้อกล่องเล็กๆ ขนาดพอหิ้วได้มาฝากหลานกล่องหนึ่ง เพื่อให้ได้ชื่อว่าซื้อมาจากดินแดนต้นกำเนิดตัวจริงเสียงจริง ทั้งๆ ที่บ้านเราก็มีมากมายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ และอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ

จากจัตุรัสทาวน์ฮอลล์เช่นกัน สามารถเดินไปที่ย่านนู ฮาวน์ (Nyhavn) ซึ่งอยู่ติดกับทะเล เคยเป็นแหล่งค้าขายทางทะเล หรือเมืองท่าเล็กๆ เป็นตึกแถวยาวสูง 3-4 ชั้น หลังคาโบราณ ตัวตึกทาสีเอาไว้หลากสี ทั้งเหลือง ทั้งฟ้า ทั้งแดง ทั้งน้ำตาล อยู่ริมคลองน้ำทะเล ซึ่งมีเรือโดยสารเล็กๆ บ้าง เรือประมงเล็กๆ บ้างทั้งจอด ทั้งแล่นเข้าแล่นออกอยู่ตลอดเวลา

เขาบอกว่าห้องใดห้องหนึ่งในหมู่ตึกหลากสีนี่แหละ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน นักเล่านิทานชาวเดนมาร์กชื่อก้อง เจ้าของนิทานเรื่อง “เงือกน้อย” หรือ Little Mermaid ที่โลกรู้จักดีนั่นเอง

ย่านนู ฮาวน์ ถือเป็นย่านห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยว ไปถึงแล้วต้องหาโอกาสไปเช็กอินให้ได้ ว่างั้นเถอะ

ไหนๆ ก็เอ่ยถึงยอดนักเล่านิทานและนิทานเรื่อง “เงือกน้อย” อันเป็นอมตะของเดนมาร์กแล้วก็ต้องหาโอกาสไปดูชม หรือไปเช็กอินที่รูปปั้น “เงือกน้อย” กันเสียด้วย

ตั้งอยู่แถวๆ ท่าเรือโคเปนเฮเกน บอกไม่ถูกว่าอยู่ตรงไหน ไปที่โน่นซื้อตั๋วทัวร์เอาเองละกัน เพราะเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมเยือน ใครไม่ไปถือว่าไม่ถึงโคเปนเฮเกน แต่ละวันจึงมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปแน่นขนัด และมีสถิติยืนยันชัดเจนว่าเป็นจุดที่มีคนมาถ่ายรูปเช็กอินมากที่สุดของเดนมาร์กเลยทีเดียว

หัวหน้าทีมซอกแซกก็ไปยืนถ่ายมาด้วยเช่นกัน เห็นเงือกน้อยตัวกระจิ๋วหลิว เพราะคนแน่นมากเข้าไม่ถึงตัวเธอว่างั้นเถอะ

สรุปว่าไปเดนมาร์กเที่ยวนี้ นอกจากจะได้ความรู้เรื่อง “พลังงานหมุนเวียน” หรือพลังงานสะอาดกลับมาเพียบ อย่างที่เขียนไว้แล้ว ก็ยัง “ไปถึง” เดนมาร์กด้วยถึง 2 ประการ

คือได้ไปถ่ายรูปกับ “เงือกน้อย” ลิตเติล เมอร์เมด และได้ซื้อ “เลโก้” จากประเทศต้นกำเนิด (แต่ไม่แน่ว่าผลิตในจีนหรือเปล่า) มาฝากหลานด้วยนี่แหละครับ.

“ซูม”