เซ็นทรัล เอ็มบาสซี นำเสนอนิทรรศการศิลปะแห่งโลกใต้สมุทร “ANIMA MUNDI: Soul of the World”

ผลงานของอีโค่ อาร์ติสระดับโลก Mulyana ครั้งแรกในไทย หวังกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักรักษ์สิ่งแวดล้อมและถิ่นอาศัย พราะในปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน 

ดังนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อแนวคิดการใช้ชีวิตให้ผู้คนในสังคมร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนที่อยู่อาศัยให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจด้านศิลปะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Let Life Inspire You ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี 

ร่วมกับ Mulyana (มูล์ยานะ) อีโค่ อาร์ติสชื่อดังชาวอินโดนีเซีย สร้างสรรค์ศิลปะเชิงอนุรักษ์ระดับโลกที่แตกต่าง ด้วยการเปิดงาน ANIMA MUNDI: Soul of the World (อะนีมา มุนดิ: โซล ออฟ เดอะ เวิลด์) นิทรรศการครั้งแรกในประเทศไทยและเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดของศิลปินผู้นี้ที่เคยจัดแสดงมา

ณ ใจกลางศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น G และบริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าฯ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อรณรงค์เชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่กำลังถูกทำลายจากมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกคนจะได้รับผลกระทบในอนาคตและไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

โดยเปิดให้บุคคลทั่วไป และนักท่องเที่ยวได้เข้าชมและร่วมกิจกรรมรักษ์โลกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 1 ก.ย. 2562 พร้อมการจำหน่ายไอเทมสุดอินโนเวทีฟคอลเลกชั่นพิเศษ ทั้งเสื้อยืดออร์แกนิค กระเป๋าผ้า กระเป๋าคาดอก และผ้าอเนกประสงค์ที่ทำจากขวดพลาสติกเหลือใช้

เพื่อนำรายได้ทั้งหมดมอบให้ กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) องค์กรรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ภายในงานเปิดนิทรรศการ ได้รับเกียรติจาก Mulyana (มูล์ยานะ) ศิลปินเจ้าของผลงาน ซึ่งบินมาร่วมในงานเปิดตัวผลงานดังกล่าว

โดยมี บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมต้อนรับ พร้อมด้วยเซเลบริตี้หัวใจสีเขียว อาทิ ม.ล. รจนาธร ณ สงขลา, พิสิษฐ์ ณ พัทลุง, ผศ.ดร.เวชสวรรค์ หล้ากาศ, ดอมินิก ภูวสวัสดิ์ จักรพงษ์, เสกสรร รวยภิรมณ์, อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์, ปัณพัท เตชเมธากุล

และศิลปินสาว อรณิชา กรินชัย มาร่วมรวมพลังรักษ์โลกกันอย่างคับคั่ง โดยคอนเซ็ปต์หลักในนิทรรศการนี้มีที่มาจากความหวัง ความฝัน และจินตนาการของศิลปินที่ชวนให้เราตระหนักว่า โลกของเรากำลังเปราะบางลงเรื่อยๆ และในอีกไม่นาน โลกใบนี้อาจจะเหลือเพียงแค่จินตนาการก็เป็นได้

นิทรรศการครั้งนี้ Mulyana ได้นำผลงานชิ้นเอกที่ได้รังสรรค์ขึ้นใหม่มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในโลก ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมกลางแจ้งจัดวางรูปซากโครงกระดูกวาฬขนาดมหึมา ความสูง 3 เมตร ยาว 12 เมตร ทำจากวัสดุเหลือใช้ทั้งเหล็ก อลูมิเนียม แทรกด้วยต้นไม้ใบหญ้า

ผลงานศิลปะรูปสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่งที่กำลังใกล้สูญพันธ์ด้วยน้ำมือมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมชิ้นนี้ เป็นสัญลักษณ์แทนถึงความตายของธรรมชาติ ที่กระตุ้นให้มนุษย์ตระหนักรู้ถึงผลการกระทำ และบทบาทหน้าที่ของตนเองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างทรงพลัง

ไจแอ้นท์ โมกุส (Giant Mogusหรือหมึกยักษ์ขนาดมโหฬาร ความสูง 5 เมตร อันเป็นเอกลักษณ์มาจากผลงานซิกเนเจอร์ของศิลปิน ผลงานชิ้นนี้ทำขึ้นจากเส้นใยพลาสติกเหลือใช้ถักทอ ยัดไส้ผ้าคอตตอนเหลือใช้หลากสีที่ผู้ชมสามารถเดินเข้าไปข้างใน

และสนุกกับการสวมบทบาทเป็นสัตวประหลาดถ่ายรูปเล่นได้ ซึ่งสัตว์ประหลาดที่ว่านี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แทนมนุษย์ทุกคนที่มีส่วนในการทำลาย หรือแม้แต่ปกป้องธรรมชาติของเราเอาไว้ รวมถึง ศิลปะจัดวางรูปวาฬใหญ่4 ตัว ความสูง 2 เมตร และ 1.5 เมตร ที่ภายในทำจากเศษผ้าคอตตอนเหลือใช้

และศิลปะจัดวางรูปโครงกระดูกวาฬ เพื่อย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ว่า วาฬเคยเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะก่อนช่วง 1800 เพราะมีการล่าปลาวาฬเพื่อผลิตน้ำมันกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งเขายังได้นำผลงานชิ้นเด่นๆ ที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้

จากประเทศอินโดนีเซีย มาเผยสู่สายตาคนไทยเป็นครั้งแรก ทั้ง โมบายรูปปลากว่า 5,000 ตัว ที่ห้อยอยู่กลางอากาศ เกาะปะการังหลากสี และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นจากวัสดุเหลือใช้ได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้ง ร่วมพูดคุยกับนักอนุรักษ์ในมุมมองต่างๆ

เพื่อการตระหนักถึงการใช้ชีวิตร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.0016.00 น. โดยวันที่ 4 ส.ค. พบกับ ผศ.ดร.เวชสวรรค์ หล้ากาศ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หัวข้อ ถนนรีไซเคิลเพื่อแก้ปัญหาขยะถุงพลาสติกในประเทศ,วันที่ 11 ส.ค. คุณดอมินิก-ภูวสวัสดิ์ จักรพงษ์

ผู้ก่อตั้ง  Precious plastic Bangkok  หัวข้อ “พลาสติกไม่ใช่ปัญหา แค่ต้องรู้จักใช้”,วันที่ 18 ส.ค.โดย ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อานวยการโครงการ Sustainable Brands  หัวข้อ รักษ์โลกในมุมมองของแบรนด์ต่างๆ”, วันที่ 25 ส.ค. ดร.ณัฐพงศ์ นิธิอุทัย อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ หัวข้อ การปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวในอนาคต” และ วันที่ 1 ก.ย. พิชามญชุ รักรอด จาก Greenpeace Thailand หัวข้อ การใช้ชีวิตที่ตระหนักถึงธรรมชาติและส่วนรวม” ตลอดจนยังมีสินค้าคอลเลคชั่นรักษ์โลกสุดอินโนเวทีฟมาวางจำหน่าย

ไม่ว่าจะเป็น เสื้อยืดออร์แกนิค กระเป๋าผ้า กระเป๋าคาดอก และผ้าอเนกประสงค์ที่ทำจากขวดพลาสติกเหลือใช้ ที่แสดงข้อมูลของการประหยัดพลังงานและการช่วยรักษาธรรมชาติจากการรีไซเคิล ที่ถูกดีไซน์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปสมทบทุน กรีนพีซ ประเทศไทย

รวมทั้งยังมีสเตชั่นรับบริจาคถุงหูหิ้ว ถุงพลาสติกใส และขวดพลาสติกที่เหลือใช้และไม่ปนเปื้อนเศษอาหารหรือสารเคมี ที่เชิญชวนให้ทุกคนได้แสดงพลังร่วม เพื่อนำไปทำบล็อกปูถนนที่วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ โดย Thailand Green Road ก่อตั้งโดย ผศ.ดร. เวชสวรรค์ หล้ากาศ

(ทั้งนี้ ถุงพลาสติก 4,000 ใบ สามารถทำบล็อคปูถนนได้ 1 ตรม.) ที่สำคัญ งานแสดงครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการจับมือกับ 5 พันธมิตรระดับเวิลด์คลาส ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ได้จัดเตรียมไว้ในวาระครบ 5 ปี เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และถือเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมรักษ์โลกสุดสร้างสรรค์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ

ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งในช่วงเวลาของการแสดงนิทรรศการ ยังต่อยอดออกไปเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดย เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมกับ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา และมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

จัดกิจกรรมเก็บและคัดแยกขยะในบริเวณชายหาดบางแสน ในวันเสาร์ที่ 24 ส.ค. 62ตั้งแต่เวลา 09.00 16.00 น. เพื่อนำขยะพลาสติกที่สามารถใช้การได้กลับไปทำการรีไซเคิล และนำไปทำบล็อกปูถนนที่วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป 

#ANIMAMUNDI #SouloftheWorld #CE5thAnniversary    #CentralEmbassy #LetLifeInspireYou