ทดสอบฝีมือ “บิ๊กตู่” ยกแรกถือว่า “สอบได้”

ในที่สุดหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวพร้อมๆ กันทุกฉบับว่า ความวุ่นวายทางการเมืองยกที่หนึ่ง หลังเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยครึ่งใบ กรณีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ก็จบลง

เมื่อกลุ่ม “สามมิตร” ที่ออกมาโวยวายว่า ถ้าไม่ได้ตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ตามที่เคยขอและตกลงกันไว้ละก็ กลุ่มฉันจะไม่ร่วมรัฐบาล

กลุ่มฉันจะพร้อมใจกันเดินออกจากการสนับสนุนรัฐบาลของบิ๊กตู่…ให้รู้กันไปว่าขาดฉันแล้วเธอจะไม่รู้สึก

แต่หลังจากโวยได้แค่วันเดียวก็เงียบกริบและหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่าง พาดหัวว่า “สามมิตร หมดฤทธิ์เดช นั่งตรงไหนก็ได้” ไปซะแล้ว

พร้อมกับลงภาพ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ชูมือถ่ายภาพหมู่ร่วมกันหน้าที่ทำการพรรค แสดงพลังและความสามัคคีว่าจะเดินหน้าต่อไป

หลายๆคนที่เคยปากเก่งพูดจาขึงขัง ไม่ได้อย่างนั้นไม่ได้อย่างนี้

ไม่สนับสนุนแน่นอน ไม่อยู่ด้วยแน่นอน หันมาพูดจาด้วยเสียงนอบน้อม บอกว่าระบอบประชาธิปไตยก็เห็นต่างกันบ้าง แต่ตอนนี้เห็นตรงกันแล้ว

ถือว่ายกนี้บิ๊กตู่โชว์ฟอร์มความเด็ดขาดใช้ได้ มีทั้งขู่ฟอดมาจากโอซากา ใครจะไปอยู่ไหนก็ไป พร้อมร่อนสารนายกรัฐมนตรีขอโทษประชาชน ที่แฝงคำพูดให้ตีความบางประโยค

ขณะเดียวกันก็ส่ง คุณอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามกฎหมายไปพูดคุยเบื้องหน้าเบื้องหลังกับ กลุ่มสามมิตร จนในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงดังที่สรุปไว้ข้างต้น

เท่าที่ผมอ่านบทวิพากษ์วิจารณ์ในหนังสือพิมพ์ต่างๆ จนถึงคอมเมนต์ หรือเมนต์ในโซเชียล ส่วนใหญ่จะแสดงความไม่พอใจกับความวุ่นวายของนักการเมืองกลุ่มนี้

ในหน้าหนังสือพิมพ์ยังใช้ถ้อยคำที่สุภาพ หรืออย่างเก่งก็ใช้คำกระด้างๆ นิดหน่อย ทำนองเบื่อระอา เพื่อแสดงให้นักการเมืองกลุ่มนี้รับรู้

แต่ในโซเชียลจะใช้ถ้อยคำแรงๆ แบบไม่ปรานีปราศรัย ตามสไตล์โซเชียล ที่ไม่สามารถนำมาเขียนต่อในคอลัมน์นี้ได้

แถมยังมีการเอาคลิปนักการเมืองบางคนมาประจานด้วยที่เคยบอกว่า ไม่ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น รับปากกับพิธีกรทีวีที่เชิญไปสัมภาษณ์เลยว่า “ผมไม่เอา…ผมไม่เอา” ตอนก่อนเลือกตั้ง

แต่มาวันนี้ ขนาดกระทรวงที่บิ๊กตู่ให้น่ะใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่าแล้วนะ ยังไม่เอาเลยมีเลศนัยอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?

พอลงคลิปจบก็แสดงความเห็นต่อท้ายด้วยคำพูดแรงๆ ซึ่งผมคิดว่าคลิปและความเห็นนี่แหละ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มสามมิตร หันมาเปลี่ยนใจในภายหลัง

ก็เอาเถอะเมื่อเปลี่ยนใจได้ก็ดีแล้ว หวังว่าจากนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างคงนิ่งรอการตรวจสอบประวัติ รอการทูลเกล้าฯถวายรายชื่อ รอการโปรดเกล้าฯ และรอขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่ง รัฐบาลใหม่ กันเสียที

อย่ามีใครมาทำอะไรวุ่นวายให้เสียฤกษ์อีกนะครับ

ส่วนเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมา ถือซะว่าเป็นละครน้ำเน่าสลับฉากมาให้ดูเล่นเพลินๆ เมื่อจบแล้วก็จบไป อย่าคิดอะไรมาก

ที่สำคัญเราจะต้องทำใจว่าตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เรายังไม่ได้ลงมือปฏิรูปอะไรกันจริงจังเลย มีแค่เพียงความคิดว่าจะปฏิรูปเท่านั้น

รวมทั้งการเมืองด้วย ยังไม่ได้ปฏิรูปแม้แต่นิดเดียว นักการเมืองส่วนใหญ่ก็ยังเป็นนักการเมืองหน้าเก่า ที่แก่เกินการปฏิรูปไปเสียแล้ว

ก็ต้องใช้วิธีสอนบทเรียนให้พวกเขารับรู้ เอาคลิปมาประจานบ้าง ตำหนิติติงบ้าง อย่างที่มีการดำเนินการผ่านกระแสสังคมในขณะนี้

เอาเป็นสรุปว่าหลังจากเราได้รัฐบาลใหม่แล้วค่อยว่ากันอีกที อะไรจะเกิดก็ต้องให้เกิด…เข้าใจว่าคงจะมีเรื่อง “ดราม่า” หรือ “ละครน้ำเน่า” มาให้ดูอีกหลายยก

ถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือนายกฯ บิ๊กตู่ในยามไม่มี คสช.หนุนหลัง ไม่มี ม.44 อยู่ข้างๆ ว่าจะบริหารได้หรือไม่อย่างไร?

สำหรับยกแรกถือว่า OK ครับ ถ้าให้คะแนนแบบมวยยกต่อยก ก็คือว่าได้ 10-9 ได้ชัยชนะไปในยกนี้

รอดูว่าครบรอบปี คืออีก 12 เดือน หรือ 12 ยก จะเป็นอย่างไร? บิ๊กตู่จะเป็นฝ่ายชนะคะแนนเมื่อครบยกหรือจะพลาดท่าถูกน็อกไปซะก่อน…โปรดติดตามกันต่อไปครับ.

“ซูม”