“วันสิ่งแวดล้อมโลก” ปีนี้ รณรงค์สู้ “อากาศ” เป็นพิษ

ผมก็มัวแต่ตื่นเต้นว่า วันที่ 5 มิถุนายน ปีนี้ จะเป็นวันประชุมรัฐสภาของประเทศไทยเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เสียจนลืมไปว่าวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก” ด้วย

มานึกขึ้นได้เมื่อก่อนจะลงมือเขียนคอลัมน์วันนี้ ซึ่งจะเป็นคอลัมน์สำหรับวันที่ 6 มิถุนายนไปซะแล้ว

แต่ก็เอาเถอะ ขาดเกินสักวันคงไม่เป็นไร…อีกอย่างเราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าผลการเลือกนายกรัฐมนตรีจะออกมาอย่างไร? จะเขียนต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็ยังไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขียนถึงวันสิ่งแวดล้อมโลก (ย้อนหลัง) กันดีกว่า

อีกประการหนึ่งในการจัดงานหรือการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโลกนั้น ส่วนใหญ่มักจะจัด 3 วัน คือ 5-6-7 มิถุนายน ตามที่ต่างๆ ดังนั้น การเขียนถึงในวันนี้ก็น่าจะถือได้ว่ายังอยู่ในบรรยากาศของวันสิ่งแวดล้อมโลกและยังไม่ล้าสมัยว่างั้นเถอะ

ว่าไปแล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกมนุษย์เราในทุกวันนี้ ดูเหมือนจะมีหลายเรื่องหลายปัญหา ล้วนแต่หนักหนาสาหัสทั้งนั้น

แต่สำหรับปีนี้ประเด็นที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติขอให้ทุกๆ ประเทศช่วยกันรณรงค์จะมาในคำขวัญที่ว่า “Beat Air Pollution” หรือ “หยุดหมอกควันและอากาศพิษเพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเราช่วยแปลและขยายความเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ครบถ้วนยิ่งขึ้น

ซึ่งตรงกับปัญหาล่าสุดที่ประเทศไทยของเราเพิ่งจะเจอะเจอไปเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง “ฝุ่นพิษ” PM 2.5 ที่ขึ้นสูงทั้งใน กทม.และภาคเหนือจนต้องสวมหน้ากากอนามัยกันอยู่พักใหญ่

ใน กทม.หรือเมืองใหญ่ๆมักจะเกิดจากควันรถยนต์ ฝุ่นจากการก่อสร้าง ควันจากโรงงานต่างๆ ส่วนต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือ สาเหตุหลักมาจากการเผาป่า หรือเผาพืชล้มลุกที่ปลูกในป่าจนเกิดหมอกควันแพร่กระจายไปทุกๆ จังหวัด

เปิดดูจากแอพฯ ที่กรมควบคุมมลพิษจัดทำไว้ก็พบแต่สีส้ม สีแดง ซึ่งเป็นคุณภาพอากาศที่อยู่ในขั้นอันตรายเต็มพรืดไปหมด

เพิ่งจะลดระดับเป็นสีเขียว สีฟ้า ที่แปลว่าดี และดีมาก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง หลังจากมีฝนตกชุกขึ้นที่ภาคเหนือ ส่วนของ กทม.เรา ก็เพิ่งจะคลี่คลายช่วงปลายๆ เมษายนที่ผ่านมานี่แหละครับ

จากถ้อยแถลงของโครงการสิ่งแวดล้อมโลกระบุว่า เจ้าสีแดงสีส้มนี่แหละที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อเฉียบพลัน โรคมะเร็งปอด ไปจนถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด หากสูดดมมันอยู่เรื่อยๆ

จึงต้องมีการรณรงค์อย่างหนักให้ผู้คนทั่วโลกลดการปล่อยควันพิษในทุกๆ รูปแบบ โดยเฉพาะการเผาป่าเผาหญ้า ซึ่งในช่วงหลังๆ มีผู้คนที่มักง่ายหันมาใช้วิธีเผาก่อนทำเกษตรมากขึ้น

การประชุมสัมมนาใหญ่ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเนื่องใน วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ที่ แกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี คงจะผ่านไปแล้ว แต่การจัดนิทรรศการและการรณรงค์ของหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามศูนย์การค้าต่างๆน่าจะยังมีอยู่

อย่างเช่นที่ เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน ทาง กทม. ได้จัดนิทรรศการ “หยุดหมอกควันอากาศพิษเพื่อชีวิตคนกรุงเทพฯ” ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. เป็นต้นมา และจะมีไปจนถึง 7 มิ.ย. ใครไปดูตอนนี้ก็ยังทัน

สำหรับ เดอะมอลล์กรุ๊ป ก็ร่วมมือกับ กทม. เช่นกัน จัดงานรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการแจกกล้าไม้ยืนต้นถึง 4,000 ต้น ให้ไปปลูกอีกด้วย เชิญรับกล้าไม้ได้ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา รวมทั้งที่ดิเอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์ ระหว่าง 5-9 มิถุนายน

ส่วนที่ดิสคัฟเวอรี่พลาซา สยามดิสคัฟเวอรี่ จะมีงาน “Eco Fest by ECOTOPIA” เปิดตลาดนัดสินค้าออร์แกนิก เกษตรอินทรีย์ และนิทรรศการความรู้เศรษฐกิจหมุนเวียนช่วยลดโลกร้อน รวมทั้งเปิดตัวหนังสือ “เขียวสยาม” โดย รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ที่รวบรวมความรู้เพื่อดูแลโลกให้ยั่งยืนในงานนี้ด้วย ถึงวันที่ 9 มิ.ย.เช่นกัน

ก็ขอเชิญชวนท่านผู้อ่าน ร่วมต่อสู้กับอากาศเป็นพิษตามข้อเสนอ ของสหประชาชาติในวันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ และร่วมกันรักษ์โลกด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อความสุขของพวกเราทั้งหลายเองตลอดไป จนกว่า ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นนะครับ.

“ซูม”