ความในใจ “ป๋าเปรม” ถึงคนที่อยู่ “เบื้องหลัง”

หลังจาก “ป๋าเปรม” กล่าวคำว่า “ผมขอพอ” หรือหนังสือพิมพ์บางฉบับใช้คำว่า “ผมพอแล้ว” และไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่พรรคการเมืองต่างๆ เข้าไปเชิญให้ท่านดำรงตำแหน่งต่อไป เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2531 แล้วนั้น

ต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม หรืออีกประมาณ 17-18 วัน ท่านก็เชิญข้าราชการระดับสูงของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใน พ.ศ.นั้น ที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า สภาพัฒน์ เข้าพบ ที่ห้องรับแขกหน้าห้องทำงานของท่านที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ขอบคุณภาพ : ไทยรัฐ

ช่วงนั้นผมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองกองหนึ่งของสภาพัฒน์ รับผิดชอบงานด้านพัฒนาชนบท มีโอกาสเข้าพบท่านด้วย

ท่านกล่าวกับพวกเราค่อนข้างยาวทีเดียว มีทั้งคำขอบคุณ คำอำลา และให้คำแนะนำแก่พวกเราที่จะต้องอยู่ทำงานกับรัฐบาลที่จะมาจากการเมืองแท้ๆ ได้เตรียมตัวไว้

ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงตัวตนของท่านที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้แก่ชาติบ้านเมืองเอาไว้หลายๆ ช่วงในคำกล่าวนี้

เนื่องในโอกาสที่คนไทยกำลังอยู่ในระหว่างอาลัย และรำลึกถึงคุณงามความดีของพลเอกเปรมที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมขออนุญาตนำคำกล่าวของท่านมาลงสู่กันอ่านอีกครั้งดังต่อไปนี้

“ผมจะขอพูด 2 อย่าง คือ ขอขอบคุณและขอโทษ ซึ่งประเดี๋ยวจะบอกว่าทำไมจึงต้องขอโทษ

ผมมีความยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความสำคัญและได้ช่วยรักษาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศและแก่รัฐบาล

ผมเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี 5 เดือน และวันนี้อีก 1 วัน เมื่อตอนที่ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานของสภาพัฒน์เมื่อได้มาร่วมทำงานก็ได้ทราบว่าเป็นหน่วยงานที่มีนักวิชาการที่มีความรู้และได้ให้ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ ซึ่งท่านที่ร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีจะทราบดีว่าผมได้ใช้ข้อเสนอของสภาพัฒน์อยู่ตลอดเวลาในการตัดสินใจและการบริหารงาน

ผมก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคนทั่วๆ ไป มิได้มีความรู้ทางวิชาการเหมือนพวกคุณทั้งหลาย ผมจึงขอขอบคุณที่ได้ช่วยผมและได้ทำให้ผมได้รับความรู้ต่างๆ จนสามารถปฏิบัติงานในฐานะนายกรัฐมนตรีมาได้

ตลอดเวลาที่ผมได้ร่วมงานกับคุณเสนาะ และพวกคุณ ผมก็ได้เห็นผลงานที่ดีที่มีความพยายามที่จะรักษาประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม และในช่วงเวลาที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ช่วยกันพลิกฟื้นจากสภาวการณ์ที่เลวร้ายให้เจริญก้าวหน้ามาได้

แม้ว่าผมจะไม่เคยไปเยี่ยมสำนักงานของคุณแต่ผมก็ทราบว่าพวกคุณได้ทำงานกันอย่างหนักเพราะผมได้ติดตามการทำงานของคุณ ทราบว่าได้ทำงานกันไม่ได้หยุดทั้งวันหยุด วันธรรมดา และเป็นการทำงานที่ไม่มีผลตอบแทนใดๆ นอกจากความภูมิใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องมีความหยิ่งในตัวของเราและผลงานที่ได้ทำ

ผมมีความเห็นซึ่งอาจจะผิดและคลาดเคลื่อน คือผมเห็นว่าต่อไปนี้สภาพัฒน์คงจะมีงานที่หนักขึ้นเพราะจะต้องทำงานกับนักการเมือง จึงต้องมีความมั่นคงและเสนอความเห็นโดยไม่เอนเอียงไปทางหนึ่งทางใด โดยใช้หลักวิชาการและความถูกต้อง

ที่ผมจะขอโทษก็คือ ถ้าผมได้ทำให้คุณต้องผิดหวังจากการทำงานของผม ถ้ามี ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มี เพราะผมทำงานโดยมิได้คิดอย่างอื่น นอกจากเพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ผมทำหน้าที่ปฏิบัติงานโดยยึดความเสียสละ เพื่อที่จะแก้ไขให้คนพ้นจากความยากจน จึงอยากจะขอให้ท่านทำหน้าที่ให้ดีเพื่อช่วยรักษาแผ่นดินของเราไว้ เพราะถ้าเรารักษาฐานะทางเศรษฐกิจไม่ได้ เราก็รักษาความมั่นคงของแผ่นดินไม่ได้

ผมขอขอบคุณอีกครั้งและขออำนวยพรให้ทุกท่าน มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และมีความเจริญก้าวหน้าทุกคน”

ครับ! นี่คือคำกล่าวของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่พวกเขาชาว สภาพัฒน์ยังจดจำได้จนถึงทุกวันนี้และยังมีความภาคภูมิใจจนถึงทุกวันนี้ที่ได้มีโอกาสทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของท่านที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่านทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติและแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง!

“ซูม”

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ระลึกและอาลัยยิ่ง “ป๋าเปรม” คนของแผ่นดิน