ยิ้มสู้ “จีดีพี” 2.8%

เมื่อวานนี้เอง นักพยากรณ์เศรษฐกิจ หรือหมอดูเศรษฐกิจทุกสำนักต่างเห็นพ้องต้องกันว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเราในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง

แปลความตามถ้อยแถลงได้ว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวอยู่นะครับ คือยังเป็นบวกอยู่ มิได้หดตัวลงหรือถึงขั้นติดลบแต่ประการใด

คือยังเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.8 ว่างั้นเถอะ

เพียงแค่มันเพิ่มหรือขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ และถ้าเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา โดยแยกออกเป็นรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2558 มาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมทั้งสิ้น 17 ไตรมาสละก็เจ้าอัตราเพิ่ม 2.8 ที่ว่านี้เป็นอัตราเพิ่มที่ต่ำที่สุด

เลขาธิการสภาพัฒน์ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ และทีมงานของท่านแจงรายละเอียดด้วยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราขยายตัวของเราแผ่วลงนั้น เป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั่นเอง

เนื่องเพราะน้ำหนักในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยถึง 70 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่การส่งออก โดยที่เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ จะมาจากการใช้จ่ายในประเทศ การลงทุนและจากการท่องเที่ยว

ดังนั้น เมื่อการส่งออกชะลอตัวลงก็จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมาก ซึ่งจากประมาณการเดิมของสภาพัฒน์เมื่อต้นปีคาดไว้ว่า การส่งออกจะขยายตัว 4.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ล่าสุดเหลือแค่ 2.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เมื่อมองออกไปทั้งปี สภาพัฒน์จึงคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะขยายตัวระหว่าง 3.3-3.8 เปอร์เซ็นต์ โดยมีค่ากลาง 3.6 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากที่เคยประมาณการไว้เมื่อต้นปีที่คาดไว้ว่า จะขยายตัวระหว่าง 3.5-4.5 เปอร์เซ็นต์ และมีค่ากลาง 4.0 เปอร์เซ็นต์

ถ้าเอาเฉพาะค่ากลางมาเทียบ ก็แปลว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีของปีนี้ น่าจะขยายตัวได้เพียง 3.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมาย 4.0 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งไว้

สำหรับสำนักหมอดูอื่นๆ เช่น สำนักเศรษฐกิจการคลังธนาคารกสิกรไทย และธนาคารแห่งประเทศ ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าไตรมาสแรกขยายตัวค่อนข้างต่ำอย่างที่สภาพัฒน์แถลง

แต่บางสำนักยังมีความหวัง และคาดว่าสถานการณ์อาจจะดีขึ้นบ้างในช่วงปลายๆ ปี

ครับ! ผมก็ขออนุญาตสรุปผลของการประมาณการจีดีพี ซึ่งค่อนข้างจริงในไตรมาสแรก พร้อมด้วยคำพยากรณ์ที่มองออกไปทั้งปีจากช่วงนี้ของสภาพัฒน์และสำนักอื่นๆ มาเพื่อทราบพอสังเขปอีกครั้งหนึ่ง

ทราบแล้วก็อย่าตระหนกตกใจหรือหวั่นไหวจนเกินไปก็แล้วกัน เพราะตัวเลข จีดีพี นั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงตัวเลขที่สะท้อนภาพรวมๆ เท่านั้น แท้ที่จริงแล้วยังมีรายละเอียดที่จะต้องลงไปดูอีกมาก

โดยทั่วๆ ไปตัวเลข GDP จะบอกให้เราทราบถึงสถานการณ์ที่ผ่านมา และสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีพอใช้ แต่เวลาใช้พยากรณ์มองออกไปข้างหน้า บ่อยครั้งที่ไม่เป็นไปตามการพยากรณ์

เพราะขึ้นกับสมมติฐานและขึ้นกับสถานการณ์หลายๆอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ในช่วงหลังๆก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสภาพัฒน์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขาลงไปดูรายละเอียดให้ชัดว่าจะเป็นธุรกิจกลุ่มไหน หรือประเภทใด ที่จะเจอแจ็กพอต และควรจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?

เพื่อชงใส่แฟ้มไว้เสนอต่อรัฐบาลใหม่ซึ่งดูๆแล้วก็คงจะเข้ามาในอีกไม่นานนักข้างหน้า

ในส่วนของพวกประชาชนทั่วไป ก็ขอให้ทำหน้าที่ของเราต่อไปตามปกติ ใครเคยทำอะไรอยู่ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ…ใครที่เป็นลูกจ้าง หากโรงงานหรือบริษัทร้านค้า ของท่านยังไม่ปิด ยังไม่เจ๊ง ก็ขอให้ทำงานด้วยความขยันขันแข็งต่อไป

ขณะเดียวกันก็ควรประหยัดรัดเข็มขัดเอาไว้หน่อยในช่วงนี้ อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะต้องเตรียมตัวเผื่อเหนียวเอาไว้บ้าง เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน ต้องระวังตัวไว้ หรือเตรียมตัวเตรียมใจไว้เพื่อความไม่ประมาทว่าอย่างนั้นเถอะ

สรุปของสรุป ขอให้ใจดีสู้เสือยิ้มสู้จีดีพี 2.8% กันเอาไว้นะครับ และลุ้นให้เราได้รัฐบาลเร็วและรวมตัวกันอย่างแข็งแกร่งพอสมควร เพื่อให้มีเวลาบริหารจัดการประเทศชาติได้ต่อเนื่อง…ไม่แน่นา ช่วงครึ่งปีกว่าๆ ที่เหลือ GDP อาจจะพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นกลายเป็น 4.0% อย่างที่หลายๆ ฝ่ายคาดหมายไว้ตอนแรกๆ ก็ได้.

“ซูม”