รัฐบาลเลิกแจกเงินเที่ยว ขอบคุณ! ถ้าข่าวนี้เป็นจริง

หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันเสาร์ มีรายงานซุกอยู่ในข่าวเชิงเศรษฐกิจ เชิงการเมือง ที่ต่อมาจากหัวข่าวใหญ่อยู่ข่าวหนึ่งที่ผมอ่านแล้วต้องขออนุญาตนำมาขยายความเพิ่มเติมในวันนี้

อยู่ในหน้า 9 ครับ มีใจความว่า “คลังล้มแจกเงินเที่ยวเมืองรอง” จากนั้นก็รายงานให้ทราบว่า กระทรวงการคลังเปลี่ยนใจจะไม่แจกเงินหัวละ 1,500 บาท ให้แก่คนไทย 10 ล้านคน รวมกัน 15,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดแล้ว

เหตุเพราะไปคุยกับสำนักงบประมาณแล้วเห็นว่าไม่สามารถใช้เงินงบประมาณจากงบกลาง และงบเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินได้

ขณะเดียวกันจากการที่มีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลังจากกระทรวงการคลังปล่อยข่าวนี้ออกมา ทำให้ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงการคลังทบทวนมาตรการดังกล่าว โดยทางด้านท่องเที่ยวให้เหลือเพียงมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น

ทั้งนี้ ให้หันมาเพิ่มการแจกเงินคนจนแทน โดยให้เติมเงินเข้าในบัตรสวัสดิการ รวม 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นค่าช่วยเหลือบุตร หรือซื้ออุปกรณ์การเรียนเพิ่มขึ้น ฯลฯ

แม้มติชนจะรายงานด้วยว่า ทั้งหมดข้างต้นนี้มาจาก แหล่งข่าว ไม่ใช่การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่ผมก็เชื่อในความสามารถของผู้สื่อข่าวว่าคงจะหาข่าวนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้

อ่านแล้วก็ต้องขอขอบคุณสำนักงบประมาณ ที่เป็นฝ่ายติงว่าเงินงบกลางกับสำรองฉุกเฉินเอามาใช้แจกเที่ยวไม่ได้นะ และต้องขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สั่งให้มีการทบทวน

ผมเขียนไว้ตั้งแต่วันศุกร์แล้วว่า แม้แต่จะแจกให้แก่คนยากจน หรือเกษตรกรผมก็ยังไม่อยากให้แจก…แต่ก็เอาเถอะถ้ายังจะแจกเพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ท่านอ้างก็ยังพอจะแก้ตัวกับพี่น้องประชาชนคนเสียภาษีได้บ้าง

ว่าท่านเอาไปแจกคนจน คนมีรายได้น้อยเพื่อช่วยให้เขามีชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนไทยส่วนใหญ่มีเมตตา มีกรุณา แม้จะโกรธแต่ถ้าเอาไปให้คนจน (จริงๆ) ก็พอรับได้

แต่ถ้าจะแจกให้เอาไปเที่ยวนี่ยอมรับไม่ได้เลย แถมเป็นการแจกแบบเหวี่ยงแหใครก็ได้ 10 ล้านคนแรกมาลงทะเบียนด่วนมาเอาเงินไปเที่ยวเลย แต่ต้องไปเที่ยวเมืองรองอื่นๆ ที่ไม่ใช่จังหวัดที่ท่านอยู่อาศัยนะ

นับว่าโชคดีที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นแก่เงิน ไม่เห็นแก่การแจกนอกจากไม่คิดจะมารับแจกแล้วยังแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดแจ้ง

ลองไปอ่านความเห็นในโซเชียลต่างๆ ดูเถิด มีแต่ติติงรัฐบาล ติติงกระทรวงการคลัง อาจจะมีเห็นด้วยสัก 1 หรือ 2 ราย แต่เกรี้ยวกราดเข้าใส่ถึง 8-9 ราย

แสดงว่าคนไทยยุคนี้มีความรู้ มีความคิด รู้ว่าอะไรถูก รู้ว่าอะไรชอบ

สำหรับคนที่เรียนเศรษฐศาสตร์มาบ้าง เพราะระยะหลังๆ เขาก็มีสอนในระดับโรงเรียนมัธยม ก็คงจะรู้ว่าการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐนั้นมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

แต่รัฐบาลยุคก่อนๆ จะใช้อย่างแนบเนียน กระตุ้นในสิ่งที่ควรกระตุ้น และระมัดระวังมากในเรื่องการแจกการแถมเพื่อไม่ให้มีผลกระทบทางจิตวิทยา อันจะบั่นทอนใจประชาชนที่ต้องเสียภาษีอากรให้แก่รัฐ

ยิ่งกระทรวงการคลังยิ่งจะต้องระวังมาก เพราะในทางหนึ่งก็มีกรมกองที่ถือคีมหรือแหนบในการถอนขนห่าน (เก็บภาษี) อยู่ด้วย ต้องใช้ความนุ่มนวลในการถอนขนห่านโดยไม่ให้ห่านร้อง

ทีนี้พอท่านถอนขนเขามาแล้วเอาขนมาใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ต่อไปห่านก็จะร้องระงม จะทำให้ท่านถอนขนยากขึ้น

ผมถึงได้เสนอหลายครั้งหลายหนว่า ให้ไปกระตุ้นผ่านกระทรวงอื่น อย่างเรื่องแจกคนจนก็ไปผ่านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ เรื่องท่องเที่ยวถ้าจำเป็นก็แอบกระตุ้นผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแบบเนียนๆ แล้วก็มีกรรมการพิเศษของรัฐบาลมาคอยแถลงข่าว

อย่าให้กระทรวงการคลังมาออกข่าวเองเด็ดขาด โดยเฉพาะ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ต่อไปควรจะสัมภาษณ์ให้น้อยที่สุดเกี่ยวกับเรื่องลดแลกแจกแถมทั้งหลาย

รักษาภาพและเกียรติยศของกระทรวงการคลังเอาไว้ให้เป็นที่ศรัทธาของประชาชนว่างั้นเถอะครับ เพื่อประชาชนเขาจะได้พร้อมใจและภูมิใจที่จะเสียภาษีให้แก่ท่านไปตราบนานเท่านาน.

“ซูม”