เจอแล้ว “สอบตก” ตัวจริง “กกต.” ถึงเวลา “ปฏิรูป”

โดนสับเละตุ้มเป๊ะกว่าใครเพื่อนหลังการเลือกตั้งคราวนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ไปได้ละครับ

ทั้งโพสต์ ทั้งแชร์ว่อนไปทั่วโซเชียลในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่อง…ที่ท่านเลขาธิการฯ กับท่านรองฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณี “ศรัทธา” และ “สปิริต” โดยไม่แคร์กับสิ่งที่คนไทยกำลังตั้งประเด็นอยู่กับท่านในขณะนี้

อ่านคอมเมนต์ต่อท้ายแชร์ต่างๆ แล้วก็เหนื่อยแทน กกต.

แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่าอะไรทั้งหมด เห็นจะเป็นแถลงการณ์ของ มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือ พีเน็ต เมื่อวันที่ 25 มีนาคม หลังการเลือกตั้ง 1 วัน ที่เขาตั้งหัวข้อไว้ว่า “กกต.62 : ทางตันปฏิรูปประเทศไทย” นั่นแหละครับ

ชำแหละการทำงานของ กกต.โดยใช้ถ้อยคำที่หนักหน่วงหลายๆ คำเลยทีเดียว อย่างเช่น “ขาดประสบการณ์” หรือ “ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ” หรือ “ไร้ประสิทธิภาพ” ฯลฯ เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น “การจัดการเลือกตั้งในวันเลือกตั้งมีปัญหาที่แสดงถึง ความไร้มาตรฐาน แตกต่างจากการทำงานในอดีตที่ผ่านมา อาทิ ความแม่นยำของกรรมการประจำหน่วยในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด”

“ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ ขาดการ เตรียมความพร้อม อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งการนับคะแนนซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งของการเลือกตั้ง”

“ไม่มีอาสาสมัครสังเกตการณ์เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้ง ทำให้เปิดช่องให้เกิดทุจริตในหน่วยเลือกตั้งได้ง่าย ในหลายกรณีพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปควบคุมการลงคะแนนผู้มีสิทธิ”

นอกจากการชำแหละใน 4-5 ประเด็นเหล่านี้แล้ว แม้แต่การที่ประชาชนมาใช้สิทธิตํ่ากว่าที่ กกต. คาดหวังอย่างมาก พีเน็ต ก็ตำหนิว่า

“ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขาดการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ ขาดการส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำความเข้าใจ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสนใจในการมาใช้สิทธิและใช้สิทธิได้อย่างถูกต้อง”

อ่านแล้วก็ใจแป้วแทน กกต. อย่างที่รำพึงรำพันไว้ในตอนต้น

แต่ก็ไม่อยากจะให้ทุกๆ ท่านใน กกต. เสียกำลังใจ ขอให้นำคำตำหนิเหล่านี้มาเป็นบทเรียนเพื่อหาทางปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นในอนาคต

ผมตระหนักดีว่าการทำงานใหญ่ย่อมจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอๆ แต่เมื่อผิดแล้วจะต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว

ในยุคก่อน…ทั้งโซเชียล ทั้งออนไลน์ ยังไม่แพร่หลายเท่าเดี๋ยวนี้ ทำอะไรผิดพลาดไปบ้างก็จะอยู่ในวงแคบๆ มีคนรู้เห็นไม่มากนัก แต่เดี๋ยวนี้ยุค 4.0 ทำผิดนิดเดียวกระจายไปทั่วโลกเลย

การจัดการเรื่องเลือกตั้งไม่ใช่งานใหญ่อย่างธรรมดาๆ นะครับ ถ้าจะใช้สำนวนวัยรุ่นยุคผม ก็คงต้องใช้คำว่า “โคตรใหญ่” เพราะเกี่ยวพันกับการจัดการผู้คนเป็นแสนๆ คน เพื่อให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

ผมดูคลิปท่านเลขาฯ และท่านรองฯ ที่ถูกแชร์ในโซเชียลคราวนี้แล้วก็เห็นใจอย่างยิ่ง เพราะมองออกเลยว่าท่านเป็นคนตั้งใจทำงาน แต่ยังพูดจาในที่สาธารณะไม่ค่อยคล่องนัก

การตอบปัญหายังติดขัดตะกุกตะกัก บางครั้งก็ขาดความแม่นยำจำตัวเลขง่ายๆ ไม่ได้ ทำให้คนฟังขาดความเชื่อถือเชื่อมั่นไปถนัดใจ

โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ ซึ่งจำเป็นมาก จะต้องตั้งสติและรับมือกับคำถามของสื่อมวลชนที่จะมาแบบร้อยแปดพันเก้าที่เราคาดไม่ถึงให้จงได้

ผมแนะนำว่าควรจะมีโฆษกที่คล่องแคล่วรู้รายละเอียดอย่างลึกซึ้งและยิ้มแย้มแจ่มใส มาช่วยแถลงข่าวบ้างในโอกาสต่อไป

อย่าลืมนะครับว่างานของท่านสำคัญมาก จะต้องสร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นแก่ทั้งคนไทยและคนทั่วโลกที่ติดตามข่าวการเลือกตั้งจากประเทศไทย เพราะฉะนั้นจะทำอะไรเล่นๆ ไม่ได้เด็ดขาด

ให้คำแนะนำทาง กกต.เสร็จสรรพแล้วก็ขออนุญาตแก้ตัวให้ท่านบ้าง คืออยากจะขอให้ทุกๆ ฝ่ายเข้าใจและเห็นใจ กกต.บ้าง ว่างั้นเถอะ

บ้านเราไม่มีเลือกตั้งมาตั้ง 8 ปีแล้วนะครับ (ไม่นับการเลือกตั้งวุ่นวายเมื่อ 2557…) ของอะไรที่ไม่ได้ใช้นานๆ ไม่ได้ทำนานๆ สนิมมันก็จับ

ต่อไปเมื่อเข้าสู่โหมดประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งบ่อยๆ ประเดี๋ยว กกต.ก็จะมีความชำนาญจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพไปเองแหละ

สรุปว่าถ้าอยากให้ กกต.ทำงานดี ก็ต้องให้มีเลือกตั้งไปเรื่อยๆ อย่าปฏิวัติรัฐประหารบ่อยนักก็แล้วกัน ปฏิวัติที กกต.ตกงานหลายปี จะไม่ให้ฝืดได้ไงล่ะครับ.

“ซูม”