“สามก๊ก” ฉบับไทยแลนด์

ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน “บิ๊กตู่” ให้เป็นนายกฯ คนต่อไป ภายหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562

ท่านหัวหน้าพรรค คุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งปราศรัย ทั้งตอบคำถามนักข่าว แล้วยังโพสต์คลิปในเฟซบุ๊กไว้ด้วยหลายแห่งหลายที่

หนักแน่นและหนักหน่วงในการใช้ถ้อยคำแบบสุภาพ แต่ชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเช่นนี้…หากจะไปกลับลำเป็นอย่างอื่นในอนาคตก็คงจะโดนสังคมตำหนิถึงขั้นเสียผู้เสียคนอย่างแน่นอน

การแถลงของคุณอภิสิทธิ์ครั้งนี้น่าจะเกิดผลกระทบโดยตรงต่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุนบิ๊กตู่อย่างเต็มที่ และเป็นสะพานสำคัญที่จะให้บิ๊กตู่เดินข้ามกลับมาดำรงตำแหน่งอีกหน

เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ยังพอมีความหวังอยู่ว่า จะได้ ส.ส.มากน้อยอย่างไรก็ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคใหญ่รออยู่ และหากมาจับมือกันบวกด้วยพรรคเล็กอื่นๆ ที่พร้อมจะผสมกับใครก็ได้อีก 2-3 พรรค รวมทั้งบวก ส.ว.อีก 250 เสียง ก็น่าจะเกินพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล โดยมีบิ๊กตู่เป็น นายกรัฐมนตรี ได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์หายไปทั้งยวงเช่นนี้ งานของพรรคพลังประชารัฐก็จะต้องหนักขึ้น เพื่อจะให้ได้ ส.ส.เข้ามาชดเชย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่จะหดหายไป

ที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือจากการประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ทำให้ประเด็นการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ขั้วที่ชัดเจน

คือขั้วของฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตหรือฝ่ายที่มาจากประชาธิปไตย กับฝ่ายที่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งได้รับการกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางฝ่ายการเมืองเก่าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มของ พรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอุดมการณ์ คนละขั้วและเป็นไม้เบื่อไม้เมาทางการเมืองมาโดยตลอด ไม่มีวันที่จะ ผสมกันได้อย่างเด็ดขาด

ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้อยู่ในสภาพของประวัติศาสตร์จีนโบราณยุค “สามก๊ก” คือแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก หรือ 3 กลุ่มโดยปริยาย

คำว่า “ก๊ก” เป็นคำที่มีความหมายดีนะครับ จริงๆ แล้ว แปลว่า “ประเทศ” ด้วยซํ้าไป

แต่ของเราไม่ทราบเอามาใช้กันเท่าไหร่ คำว่า “ก๊ก” ดูจะมีความหมายไปในทางไม่ค่อยดี เหมือนเป็นก๊กเป็นเหล่าอะไรทำนองนั้น

ฉะนั้นที่ผมกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การเลือกตั้งของเราอยู่ในระหว่างแบ่งออกเป็น “3 ก๊ก” จึงมิได้มีความหมายในเชิงไม่ดีงามแต่อย่างใด

หากตั้งใจจะให้เห็นภาพรวมว่าการต่อสู้ครั้งนี้ที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ อย่างชัดเจนมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ จากการคาดหมายของโพลต่างๆ ก๊กเพื่อไทยจะได้กำลังพลหรือ ส.ส.เข้ามาสูงสุดหลังเลือกตั้ง โดยมีก๊กพลังประชารัฐกับก๊กประชาธิปัตย์สลับกันเป็นที่ 2

แต่ลงท้ายแล้วก๊กพลังประชารัฐน่าจะเป็นฝ่ายได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะมี ส.ว.คอยสนับสนุนอยู่

คำถามก็คือ จากนี้ไปเมื่อการแบ่งออกเป็น 3 ก๊กชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเสนอจุดยืนของก๊กประชาธิปัตย์ ว่าจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจจะมีส่วนทำให้ก๊กนี้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ในความเห็นของผมเชื่อว่าน่าจะได้เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเป็นที่หนึ่งจนได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อนอยู่นั่นเอง

ลงท้ายก็จะกลับไปสู่สมมติฐานเดิมคือก๊กพลังประชารัฐแม้จะได้คะแนนน้อยลงบ้าง หากกระแสไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจแรงขึ้น แต่ก็คงไม่น้อยเสียจนกลายเป็นพรรคเล็กไปแน่

โอกาสที่จะเสนอ “บิ๊กตู่” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบอกว่า พรรคที่ได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คน มีสิทธิเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี…ฉะนั้นยังไงๆ พลังประชารัฐก็น่าจะได้เกิน 25 คน และก็น่าจะมีสิทธิเสนอบิ๊กตู่เป็นนายกฯ ได้อีกตามกติกา

สรุปว่าแม้คุณอภิสิทธิ์จะยืนยันขันแข็งว่าไม่เอาบิ๊กตู่ ซึ่งผมก็เชื่อท่านว่าท่านพูดจากใจจริงของท่าน

แต่เมื่อหลายปีผ่านมาเมืองไทยของเราเคยมีคำฮิตอยู่คำหนึ่งคือคำว่า “ข้อมูลใหม่” อันเป็นเหตุให้พรรคการเมืองบางพรรคในอดีตต้องเปลี่ยนจุดยืนมาแล้ว

ใครจะไปรู้ หลัง 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ในระหว่างที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยสภาทั้ง 2 นั้น อาจจะมี “ข้อมูลใหม่” มาทำให้ คุณอภิสิทธิ์และก๊กพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนใจและเปลี่ยนจุดยืนอีกหนก็ได้นา?

“ซูม”