18 ปีศาลปกครองไทย 18 ปีที่พึ่งประชาชน

ผมได้รับจดหมายข่าวจากสำนักประชาสัมพันธ์ของสำนักงานศาลปกครอง แจ้งให้ทราบว่าเนื่องในโอกาสครบรอบ 18 ปี ของการเปิดทำการศาลปกครองในวันที่ 9 มีนาคมที่จะถึงนี้

ศาลปกครองได้กำหนดให้มีกิจกรรมที่น่าสนใจขึ้นหลายๆ ประการ

เริ่มจากวันนี้ อังคารที่ 5 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปจะเป็นการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยท่านประธานศาลปกครองสูงสุด ปิยะ ปะตังทา และคณะเกี่ยวกับผลการพิพากษาคดีปกครองในรอบปี ณ ห้องแถลงข่าวอาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ

จากนั้นในวันรุ่งขึ้น (พุธที่ 6 มีนาคม) เวลา 09.30 น. จะเป็นพิธีการประดิษฐาน “แผ่นจารึกคติธรรม” ซึ่งมีราย พระนามสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ได้โปรดประทานแก่ศาลปกครอง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561

สำนักงานศาลปกครองจะประดิษฐานแผ่นจารึกคติธรรมดังกล่าวไว้ ณ บริเวณทางเข้าอาคารศาลปกครอง ชั้น 1 เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ตุลาการศาลปกครอง และข้าราชการของศาลปกครองในการทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป

นับตั้งแต่เปิดทำการวันแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2544 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ศาลปกครองรับคดีเข้าสู่การพิจารณาไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 149,469 คดี

เป็นคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น จำนวนถึง 105,783 คดี และเป็นคดีอุทธรณ์ หรือฟ้องตรงต่อศาลปกครองสูงสุด จำนวน 43,686 คดี

ซึ่งก็ปรากฏว่า ศาลปกครองชั้นต้นสามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จถึง 93,932 คดี คิดเป็นร้อยละประมาณ 89 ของคดีรับเข้าของศาลปกครองชั้นต้น

สำหรับศาลปกครองสูงสุดสามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จ จำนวน 31,360 คดี คิดเป็นร้อยละประมาณ 72 ของคดีรับเข้าศาลปกครองสูงสุด เมื่อนับมาถึงปลายปี 2561 ดังกล่าว

แม้ในจดหมายข่าวของสำนักงานศาลปกครองจะมิได้แจ้งรายละเอียดไว้ว่า จากคดีที่พิจารณาแล้วเสร็จทั้งหมดนั้น ประชาชนเป็นฝ่ายชนะมากน้อยเพียงใด

แต่จากข่าวคราวที่เราติดตามอยู่พบว่า หลายๆ คดีทีเดียวที่ประชาชนเป็นฝ่ายชนะ หรือได้รับผลในทางที่ดี จากการพิจารณาของศาลปกครอง…

อย่าลืมว่าเหตุผลสำคัญที่สุดประการหนึ่งของการก่อตั้งศาลปกครองขึ้นเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ก็เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายบริหาร เพื่อมิให้ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายปกครองใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ

จึงต้องมีการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายปกครอง ด้วยการมีศาลปกครองขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสแสวงหาความเป็นธรรม ในหลายๆ กรณีที่เกิดจากการบริหารของฝ่ายรัฐ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศาลปกครองได้พิจารณาคดีต่างๆ อย่างเที่ยงธรรมจากข้อเท็จจริง และเหตุผลรอบด้าน โดยมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

ยกตัวอย่างคดีล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ กรณี วอยซ์ทีวี กับ กสทช. ก็แล้วกันครับ คงจะจำกันได้ว่า กสทช.ได้มีมติให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ของวอยซ์ทีวีเป็นเวลา 15 วัน

วอยซ์ทีวียื่นของให้ศาลปกครองคุ้มครอง และยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

ต่อมาศาลปกครองได้ดำเนินการพิจารณาโดยเร่งด่วน และพิพากษาให้ กสทช. เพิกถอนคำสั่ง หลังจากพิจารณาแล้วพบว่า การดำเนินรายการของวอยซ์ทีวีไม่ถึงขั้นก่อให้เกิดความสับสนยุยงปลุกปั่น ฯลฯ ตามที่ กสทช.กล่าวอ้าง

หากไม่มี ศาลปกครอง วอยซ์ทีวีก็คงจะ “จอดำ” ไปเรียบร้อย

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ แท้ที่จริงแล้วมีถึงแสนตัวอย่างหรือแสนกว่าคดีไปแล้ว ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา

แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะสื่อมวลชนเท่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือหรือการคุ้มครองจากศาลปกครอง ปัจเจกชนอีกมากมายก็สามารถฟ้องร้อง เอาชนะหน่วยราชการใหญ่ๆ ไปได้แล้วจำนวนมาก

เนื่องในโอกาสที่วันครบรอบ 18 ปีของการก่อตั้งจะมาถึงในวันที่ 9 มีนาคม และเริ่มมีกิจกรรมเฉลิมฉลองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแล้วนั้น…ผมขอถือโอกาสขอบพระคุณในผลงานต่างๆ ที่ศาลปกครองได้ดำเนินการมา ขอบคุณย้อนหลังไปถึงอดีตท่านประธานฯ ดร.อักขราทร จุฬารัตน และ ดร.หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ด้วยนะครับ.

“ซูม”