สวัสดีปีใหม่ 2562 “46 ปี” เหะหะพาที

สวัสดีปีใหม่ 2562 นะครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ขอให้โชคดี ขอให้ มีชัย มีความสุข ประสงค์สิ่งใดปรารถนาในเรื่องใด ขอให้สมประสงค์และสมปรารถนาในสิ่งนั้นๆ และเรื่องนั้นๆ ทุกประการนะครับ

ข้อเขียนวันนี้เป็นข้อเขียนชิ้นแรกสำหรับปี 2562 ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาสวัสดีปีใหม่กันอยู่ ผมก็ขออนุญาตที่จะเขียนแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ นะครับ คือเขียนไปเรื่อยๆ สบายๆ และแน่นอนคงจะไม่มีแก่นสารอะไรมากนัก

ปีนี้จะเป็นปีที่ 46 แล้วครับ สำหรับการมานั่งเขียนหนังสืออยู่ตรงนี้ในหน้า 5 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐของผม

ต้นฉบับชิ้นแรกของผมตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2516 เพิ่งจะครบ 45 ปีไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง

เจ้าของความคิดให้มีคอลัมน์นี้ขึ้นและตามตัวผมมารับผิดชอบ ก็คือ พี่ สมิต มานัสฤดี อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่ล่วงลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ปี 2515 เป็นปีที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ เมื่อ พ.ศ.2493 แล้วเปลี่ยนเป็น เสียงอ่างทอง ใน พ.ศ.2502 จนถึงล่าสุดเปลี่ยนเป็นไทยรัฐ เมื่อ พ.ศ.2505

ประมาณกลางปี 2515 นั้นเอง มีการยกทีมออกชุดใหญ่เกือบค่อนกองบรรณาธิการ เพื่อจะไปออกหนังสือพิมพ์ใหม่ และเป็นการออกอย่างฉับพลัน หวังให้ไทยรัฐต้องหยุดกิจการไปเลยทีเดียว

ท่าน ผอ.กำพลมอบหมายให้พี่สมิตในฐานะหัวหน้ากองบรรณาธิการ ระดมนักข่าวและคอลัมนิสต์จากฉบับอื่นๆ เข้ามาทำงานแทนโดยเร่งด่วน เพื่อให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดพิมพ์

ช่วงแรกเป็นการระดมนักข่าวก่อน เพราะต้องรีบหาข่าวมาป้อนแท่นพิมพ์ให้สามารถเดินเครื่องพิมพ์พิมพ์หนังสือออกจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง

หลังจากตั้งหลักได้แล้ว จึงเริ่มระดมคอลัมนิสต์มาช่วยเสริม เพื่อให้ไทยรัฐมีความหลากหลาย ดึงดูดใจท่านผู้อ่านมากขึ้น

หัวหน้าสมิตเห็นว่าควรมีคอลัมน์เบาๆ เขียนสบายๆ แบบหยิกแกมหยอกขึ้นมาอีกคอลัมน์หนึ่ง

ท่านตั้งชื่อว่า “เหะหะพาที” แปลว่า พูดจาแบบคนเมา หรือคนขี้เมา ตามคำจำกัดความในพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน ที่ระบุไว้ว่า “เหะหะ…ว. เสียงอึกทึกของคนมึนเมา”

เมื่อมาใช้คู่กับ “พาที” ที่แปลว่า “พูดจา” จึงกลายเป็นข้อเขียนที่จะต้องเขียน “ให้เหมือนกับเสียงพูดจา (อัน) อึกทึกของคนมึนเมา” ด้วยประการฉะนี้

พี่สมิตบอกว่า ติดตามผลงานผมมาตั้งแต่ พิมพ์ไทย โดยตลอด เชื่อว่าผมจะเขียนคอลัมน์นี้ได้

เรียกผมมาประจำการตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2515 ให้ซักซ้อมอยู่ 1 เดือนเต็มๆ ก่อนเปิดตัวคอลัมน์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2516 หลังฉบับพิเศษต้อนรับปีใหม่ 1 มกราคม 2516 เพียงหนึ่งวัน

จำได้ว่าผมเขียนอย่างฝืดๆ ผสมอืดๆ อยู่สัปดาห์เต็มๆ ไม่มีทีท่าจะอึกทึกแบบคนมึนเมาได้เลย…จนกระทั่งสัปดาห์ที่ 2 ข้อเขียนชุด “สุนัขในข่าว” ล้อ “บุคคลในข่าว” หน้า 4 ไทยรัฐ ของผมถึงได้ออกมาเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นครั้งแรก

ตามมาด้วยชุด “กินฟรี” แนะนำวิธีกินฟรีตามงานสังคมต่างๆ ของประเทศไทยตั้งแต่งานแต่งงาน งานศพ ไปจนถึงวิธีขึ้นรถเมล์ฟรี ดูหนังฟรี ดูกีฬาฟรี และสารพัดฟรีทั้งหลายแหล่

กลายเป็นความแปลกใหม่ เพราะท่านผู้อ่านจำนวนมากไม่เคยอ่านการเขียนลักษณะนี้มาก่อน ทำให้ “เหะหะพาที” ติดลมและอยู่มาได้จนถึงวันนี้

เมื่อกาลเวลาผ่านไปผมค่อยๆ ปรับลดเรื่องเฮฮาลงหันมาแสดงความคิดความเห็น หรือให้สาระให้ข้อมูลที่น่ารู้ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น แทบไม่เหลือเค้า “เหะหะพาที” ดั้งเดิมเท่าไรนัก

ต้องขอบคุณท่านผู้อ่านที่ให้ความเมตตาติดตามอ่านมาโดยตลอด

ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเรี่ยวแรงมีสติปัญญา พอที่จะเขียนได้อีกนานแค่ไหน เพราะไม่อีกวันข้างหน้าผมจะอายุ 78 ปีแล้ว เป็น ส.ว.เต็มขั้น ขึ้นไปทุกขณะ

แต่ก็ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าตราบใดที่ยังมีสติมีปัญญา และมีความแข็งแรงพอที่จะเขียนได้ ก็จะเขียนต่อไปเรื่อยๆ

สรุปในสไตล์ของ “เหะหะพาที” หรือทีเล่นทีจริงก็คือ กรุณา “ทนอ่าน” กันไปก่อนนะครับ เพราะคนเขียนคนนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะ “ทนเขียน” ต่อไป

จนกว่าจะ หมดแรงเขียน หรือ หมดแรงอ่าน กันไปข้างว่างั้นเถอะ

สวัสดีปีใหม่ 2562 อีกครั้งครับ.

“ซูม”