ความเชื่อมั่นประเทศไทย “ลดลง” หรือ “เพิ่มขึ้น”?

ผมจะหลบไปชาร์จแบตเตอรี่ที่ต่างประเทศสัก 7–8 วันในช่วงนี้ และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผมที่จะต้องเขียนต้นฉบับแห้งๆ ทิ้งเอาไว้เพื่อมิให้รบกวนเพื่อนๆ หรือน้องๆ นักเขียน นักข่าวอื่นๆ ซึ่งปกติก็มีงานล้นมืออยู่แล้วมาช่วยเขียนแทนระหว่างผมไม่อยู่

ถือเป็นหลักการว่า หากเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติดี ไม่มีข่าวใหญ่อะไรที่จะทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อเขียนให้เข้ากับเหตุการณ์นั้นๆ ก็ขอเชิญท่านผู้อ่านอ่านเรื่องแห้งๆ ไปพลางๆ ก่อน

แต่ถ้ามีข่าวหรือมีเหตุการณ์สำคัญมากๆ เกิดขึ้น ผมซึ่งติดตามอยู่ตลอดเวลาจะรีบเขียนใหม่ให้ทันกาลทันเวลาส่งกลับมาทันที

ดังเช่นเมื่อหลายปีก่อนโน้นขณะเที่ยวญี่ปุ่นอยู่เพลินๆ ก็มีข่าวว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บินกลับมากราบแผ่นดินที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นก็ขึ้นหน้า 1 ลงรูปพร้อมพาดหัวข่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวเบ้อเร่อทุกฉบับ ทำให้ผมอยู่เฉยไม่ได้ต้องรีบส่งต้นฉบับมาบอกเล่าให้ทราบด้วยว่า คนญี่ปุ่นเขาสนใจข่าวนี้มากน้อยเพียงไร

อีกครั้งหนึ่งก็ตอนที่ไปร่วมพิธีเปิด ธนาคารกรุงเทพ สาขาใหม่ที่นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเกิดเหตุการณ์วุ่นๆขึ้นในบ้านเราจนต้องมี คสช. มาดูแลความสงบเรียบร้อยเมื่อ 4 ปีเศษๆ ที่แล้ว

ผมก็รีบปรับข้อเขียนให้ทันเหตุการณ์เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เขียนอะไรมากหรอก เพราะยังอยู่ระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวาน…อย่างเก่งก็แค่เขียนว่า ผมทราบแล้วนะครับว่ามีการปฏิวัติรัฐประหาร…ขณะที่ผมไปอยู่ที่โน่น

หวังว่าคราวนี้ผมคงจะสามารถท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจโดยไม่มีเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานใดๆ มาทำให้ต้องเปลี่ยนข้อเขียนกลางอากาศนะครับ

สำหรับข้อเขียนแห้งๆ ของผมในช่วงแรกๆ จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความ “เชื่อมั่นในประเทศไทย” ของภาคเอกชนไทยครับ

2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีการพูดกันว่า ความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจของคนไทยที่มีต่อประเทศไทยดูเหมือนจะน้อยลงไป

มีการวัดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบอกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนอยู่ที่ 82.3 ลดมาจากเดือนสิงหาคมซึ่งอยู่ที่ 83.2

โดยความเชื่อมั่นปัจจุบันเท่ากับ 56.6 ลดจาก 57.2 ในขณะที่ความเชื่อมั่นในอนาคตเท่ากับ 93.6 ลดจาก 94.6
สำหรับเหตุผลที่ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงทุกตัวนั้น มหาวิทยาลัย

หอการค้าไทยกล่าวว่า เป็นเพราะนักท่องเที่ยวจีนลดลง ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรลดลงอีก รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ฯลฯ

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นดัชนีที่สำคัญยิ่งตัวหนึ่งในการวัดชีพจรการเต้นของเศรษฐกิจ การที่ดัชนีลดต่ำลงจึงมีความหมายว่าชีพจรการเต้นของเศรษฐกิจกำลังอ่อนตัวลง

แต่เนื่องจากการวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเขาจะวัดกันบ่อยๆ

อย่างของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยท่านวัดเดือนละครั้ง…ดังนั้น แม้เดือนกันยายนจะลดลงแต่เดือนตุลาคมอาจจะกระเตื้องขึ้นมาอีกก็ได้

ที่ผมยังรู้สึกใจชื้นอยู่บ้าง จากการที่ติดตามอ่านข่าวความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการลงทุนต่างๆ ในหน้าข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก็พบว่ายังมีภาคเอกชนรายใหญ่ๆ ของประเทศไทยเรายังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย และยังมีการขยายการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

ดังเช่นกรณีของกลุ่ม “เดอะมอลล์” จะลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้าใหม่อีกถึง 2 แห่ง โดยจะเนรมิตให้เป็นศูนย์กลางของการจัดอีเวนต์ด้านการประชุม ศิลปวัฒนธรรม บันเทิง และมหกรรมกีฬา โดยใช้เงินลงทุนนับ 10,000 ล้านบาท

กำหนดจะตอกเสาเข็มในเร็วๆ นี้

ผมตัดเก็บบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารเดอะมอลล์กรุ๊ปเอาไว้ พร้อมทั้งข่าวคราวที่นำเสนอโดยหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ อีกหลายฉบับ

ขณะเดียวกันก็ไปค้นเพิ่มเติมว่า บริษัทที่จะมาร่วมทุนกับเดอะมอลล์กรุ๊ปเป็นใคร? มาจากไหน? และเพราะเหตุใดถึงได้เชื่อมั่นในไทยแลนด์ จนถึงขั้นหอบเงินก้อนใหญ่มาลงทุนด้วย

ติดตามอ่านได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะครับ.

“ซูม”