จากใจ “13 หมูป่า” สัญญาและขอบคุณคนทั้งโลก

ผมไม่ได้เขียนถึง 13 หมูป่าอีกเลยนับตั้งแต่วันที่น้องๆ ออกจากโรงพยาบาลหลังให้สัมภาษณ์รวมกันผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่องเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ปฏิบัติตามคำขอร้องของคณะแพทย์ของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์อย่างเคร่งครัดว่าไม่ควรจะไปรบกวนสมาธิเด็กๆ ในช่วงเวลาที่ต้องการการปรับตัวปรับใจอย่างใหญ่หลวง หลังเผชิญเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา

บัดนี้กาลเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เด็กๆ ซึ่งไปบวชเณรศึกษาธรรมะมาได้ระยะหนึ่งจิตใจคงจะเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งจะกลับไปเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ ต่อไปตามเดิมแล้ว

คงไม่มีประเด็นอะไรที่จะทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจแก่เด็กๆ ดังที่คณะแพทย์ห่วงใยอีกแล้ว หากผมจะเขียนถึง 13 หมูป่าอีกสักครั้งหนึ่ง

แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากเขียนถึงน้องๆ ชุดนี้ ก็มาจากจดหมายขอบคุณคนทั้งโลกที่น้องๆ เขียนขึ้นด้วยลายมือตนเอง และมีการนำมาใส่กรอบขยายให้ใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้อ่านกันชัดๆ จากนั้นก็เผยแพร่ภาพถ่ายจดหมายที่เป็นลายมือของน้องๆ ทุกคน 13 คน 13 ฉบับ ไปตามสื่อโซเชียลต่างๆ

เพิ่งจะมาถึงผมเมื่อวันวานนี้เอง อ่านจดหมายน้องๆ แล้วก็เกิดความประทับใจขออนุญาตนำบางส่วนมาบันทึกไว้ในสื่อกระดาษหรือสื่อสิ่งพิมพ์ไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง

จดหมายที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด น่าจะเป็นของ น้องไตตั้น หรือ ด.ช.ชนินท์ วิบูลรุ่งเรือง อายุ 11 ขวบ น้องเล็กที่สุดของทีมหมูป่าอะคาเดมี

น้องไตตั้นเขียนไว้ว่า–“ผมอยากขอบคุณคนทั้งโลกที่มาช่วยผม 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำ ขอบคุณนะครับที่ช่วยพวกผมและให้ชีวิตผมใหม่ พวกผม 13 คน จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด”

“สําหรับผมขอขอบคุณหน่วยงานอื่นและคนทั้งโลก ถ้าไม่มีคนทั้งโลกที่มาช่วยผม ผมคงไม่ได้ยืนอยู่บนโลกนี้แล้ว”

อีกฉบับที่เขียนได้อย่างซาบซึ้ง เป็นของน้อง พีรพัฒน์ สมเพียงใจ หรือน้องไนต์ อายุ 16 ปี ซึ่งเขียนไว้ว่า

“ขอบคุณคนทั้งโลกที่เสียสละเวลาเข้ามาช่วยพวกผมจากถ้ำ และผมต้องขอบคุณจ่าแซมมากๆ ที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ผมออกมาจากถ้ำได้ และผมจะเป็นเด็กดีกับสังคม และขอขอบคุณสำหรับทุกคน”

“ผมจะรักทุกคนเหมือนกับทุกคนรักผม”

สำหรับ “โค้ชเอก” หรือ พระเอกพล วิสารโท (เอกพล จันทะวงษ์) ซึ่งยังอยู่ในสมณเพศ อายุ 25 ปี เขียนไว้ว่า

“ผมขออนุโมทนาบุญ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่พระองค์ทรงเมตตากรุณาผมและน้องๆ ทีมหมูป่าทุกคน และขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่จิตอาสา และคนทั่วโลก ทั้งคนไทยและต่างประเทศที่ได้ช่วยเหลือผมและน้องๆ หมูป่า”

“ผมและน้องๆ ขอสัญญาว่าจะรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเป็นเด็กดี จะเป็นคนดี และจะรักคนทั้งโลกเหมือนที่ทุกคนรักผมและน้องๆ ทีมหมูป่าทุกคน กราบขอบพระคุณคนทั้งโลกครับ”

ผมคงไม่สามารถนำลงได้ทั้ง 13 ฉบับ ด้วยเนื้อที่อันจำกัด แต่จาก 3 ฉบับที่คัดเลือกมาเป็นตัวแทนของ 13 หมูป่า ก็คงจะบ่งบอกถึงความรู้สึกนึกคิดและสิ่งที่อยู่ในหัวใจลึกๆของพวกเขาได้เป็นอย่างดียิ่ง

ทุกฉบับจะเขียนในทำนองเดียวกันว่า ขอบคุณ สำนึกในพระคุณ จะขอทำความดี ตอบแทนความช่วยเหลือทั้งหลายทั้งปวงที่ทำให้พวกเขารอดชีวิตมาได้

ทุกคนตระหนักดีว่า หากปราศจากความช่วยเหลือของชาวโลกและชาวไทยทั้งมวลแล้ว พวกเขาอาจไม่มีโอกาสกลับออกมาจากถ้ำได้เลย

สังคมไทยสอนให้เรารู้จักบุญคุณคน ตอบแทนพระคุณคน และมีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า คนไม่ลืมคุณคน ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

คนไทยและคนทั้งโลกที่ไปช่วยน้องๆ ด้วยตัวเองที่ถ้ำหลวงฯ และที่ส่งใจไปช่วย ล้วนไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนทั้งสิ้น…ขอเพียงให้น้องๆ ได้มีโอกาสกลับออกมาสู่โลกภายนอกได้อีกครั้งเท่านั้น

การที่น้องๆ ให้สัญญาว่าจะเป็นคนดีและตั้งใจทำดีเพื่อสังคม เพื่อชาติบ้านเมือง เพียงแค่นี้คนทั้งโลกก็ชื่นใจและพอใจเป็นที่สุดแล้ว

ทำให้ผมนึกถึงเรื่องสั้นชุด “เจ้าลอย” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ขึ้นมาอีกครั้ง…เจ้าลอยมันใช้ชีวิตที่ “เป็นกำไร” ของมันในทางที่ผิด แต่น้องๆ หมูป่าให้สัญญาแก่สังคมโลกว่า จะใช้ชีวิตที่เป็นกำไรไปในทางที่ถูกที่ควรและคุ้มค่าที่สุดเท่าที่ทุกๆ คนจะทำได้

ขอให้ชีวิตของลูกๆ 13 หมูป่าจงเจริญรุ่งเรืองสืบไป.

“ซูม”