ร่วมกำจัดขยะ “มือถือ” นำรายได้เพื่อ “ชีวิตใหม่”

ข่าวเล็กๆในหน้าข่าวภูมิภาคของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเมื่อ 2 วันก่อน ทำให้ผมนึกถึงข่าวเชิงประชาสัมพันธ์ข่าวหนึ่งที่สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ส่งมาให้ผมช่วยเผยแพร่ และผมก็ตั้งเจตนารมณ์ไว้แต่แรกว่ายินดีจะช่วยด้วยความเต็มใจ

ได้แก่ข่าวที่ว่าจังหวัดนครราชสีมา โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทำพิธีเปิดโครงการ “มือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา” ที่บริเวณหน้าเสาธงศาลากลางจังหวัด มีผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วยจำนวนมาก

สามารถรวบรวมโทรศัพท์มือถือเก่าที่ไม่ใช้แล้วทุกสภาพ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ จากทั้ง 32 อำเภอ ได้ประมาณ 50,000 เครื่อง เพื่อจะส่งเข้าโครงการ “มือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา” เพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธีอีกทอดหนึ่ง

จากนั้นก็จะนำรายได้จากการรีไซเคิลไปจัดซื้อหนังสือสำหรับเด็กเล็ก และสื่อการสอนต่างๆ มอบให้แก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขาดแคลนของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

ตามข้อตกลงในการร่วมมือกันระหว่าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสภาสตรีในพระบรมราชินูปถัมภ์ และสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ซึ่งได้แถลงข่าวร่วมกันเมื่อเร็วๆนี้

ต่อมาทางนานมีบุ๊คส์ได้ส่งข่าวและรายละเอียดต่างๆมาให้ผมหลายแผ่น ซึ่งผมก็จัดเข้าแฟ้มไว้อย่างดีที่โรงพิมพ์ ตั้งใจจะเขียนให้เพราะตรงกับใจผมที่อยากจะช่วยรัฐบาลกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะทันสมัยมหาภัย 4.0 ที่นับวันจะสั่งสมในประเทศเรามากขึ้นอยู่แล้ว

แต่เผอิญว่าช่วงเวลาที่รับข่าวสารมาจากนานมีบุ๊คส์ตรงกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนสนใจทั่วโลก ผมจึงต้องอุทิศเนื้อที่เกาะติดข่าว “13 หมูป่า” ไปด้วย

มาบัดนี้เหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี และบรรดาหมูป่าทั้งหลายปลอดภัยโดยทั่วหน้ากันแล้ว คงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเขียนถึงเรื่องราวที่ นานมีบุ๊คส์ ขอความร่วมมือมาที่ผมได้เสียที

ประกอบกับได้อ่านเจอข่าวชิ้นเล็กๆจากนครราชสีมาชิ้นนี้เข้า ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องรีบเขียนแล้วละ เพราะเวลาหรือเส้นตายของโครงการนี้ในเฟสนี้ใกล้จะหมดลง

โครงการ “มือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา” เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เฟสแรกรวบรวมมาได้ 1.7 ล้านเครื่อง นำไปรีไซเคิลได้เงินมา 3,620,000 บาท

แบ่งไปสมทบทุนบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี, ศิริราชมูลนิธิ และมูลนิธิเดอะวอยซ์ ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตด้อยโอกาสและสัตว์ยากไร้ ฯลฯ ครบทุกบาททุกสตางค์

เฟสต่อมาตั้งเป้าหมายรับบริจาคมือถือ 5 ล้านเครื่อง และจะนำรายได้มอบให้แก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ 30 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งน่าจะดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ผมไม่มีข้อมูลอยู่ในมือว่าได้มาครบตามเป้าหมายหรือไม่ และได้เงินจากรีไซเคิลมากน้อยเพียงไร

การร่วมมือกับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ของท่านอธิบดี สุทธิพงษ์ จุลเจริญ เพื่อซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้ศูนย์เด็กเล็กกับ นานมีบุ๊คส์ ครั้งนี้ จึงเป็นเฟสที่ 3

ผมคาดเดาว่า ถึงแม้จะได้ครบ 5 ล้านเครื่อง และได้ค่ารีไซเคิลมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็คงไม่พอที่จะซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1,000 แห่งทั่วประเทศแน่นอน

ขาดเหลืออย่างไร นานมีบุ๊คส์โดยคุณ คิม จงสถิตย์วัฒนา ก็คงจะบริจาคเพิ่มเติมให้

ผมขอสนับสนุนโครงการนี้ครับ และขอเชิญชวนร่วมบริจาคขยะมือถือได้ตั้งแต่บัดนี้

นอกจากจะบริจาคตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต., อบจ., ทต., ทม. ทั่วประเทศแล้ว ยังบริจาคได้ที่ร้าน แว่นแก้ว Children Book Shop ทั้ง 3 สาขา และ เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม

ผมขอฝากโครงการกำจัดขยะมือถือโครงการนี้ไว้ด้วยนะครับ เข้าใจว่าคงจะมีเฟสใหม่ๆออกมาอีก มาเมื่อไรก็มอบเมื่อนั้นก็แล้วกัน บรรดาขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะ 4.0 จะได้ไม่ล้นเมืองไทย

ที่ผมกลัวมากไม่ใช่อะไรหรอก…คือกลัวว่าเมืองไทยทั้งเมืองยังไม่เป็น 4.0 ด้านเศรษฐกิจเลย แต่กลายเป็น 4.0 ด้านขยะ เพราะมีแต่ขยะทันสมัยไฮเทคเต็มประเทศไปซะก่อนแล้ว.

“ซูม”