ไม่ใช่วันของ “เมสซี”

นี่แหละที่คนโบราณเขาว่า ถ้าบุญไม่มาวาสนาไม่ส่ง ทำอะไร ก็มักจะพลาดไปซะหมด

คำพังเพยแบบไทยๆ ที่ว่านี้เกิดกับ ลิโอเนล เมสซี ดาวซัลโวยอดซุปตาร์ระดับโลก สุดยอดแห่งความหวังของทีม อาร์เจนตินา ฟ้าขาวในการลงเล่นกับทีมที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นรองหลายขุมอย่างไอซ์แลนด์ เมสซีท่าจะถล่มหลายลูกแน่

ที่ไหนได้ นอกจากยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวแล้วไซร้ เมสซียังพลาดการยิงลูกโทษเข้าให้ซะอีกอย่างชนิดแฟนๆ แทบไม่เชื่อสายตา

นอกจากนี้ยังส่งลูกเสียลูกพลาดหลายครั้ง ผิดฟอร์มคนชื่อเมสซี และแม้จะมีโอกาสได้ยิงถึง 11 ครั้ง แต่ก็ข้ามคานหรือออกซ้ายออกขวาไปซะหมด

นี่คือการยิงลูกโทษไม่เข้าครั้งที่ 4 ใน 7 ครั้ง หลังสุดของเมสซี นับรวมทั้งทีมชาติและทีมบาร์เซโลนาต้นสังกัด

เทียบฟอร์มกับ เดอะโด้ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ทำได้ถึง 3 ประตู หรือแฮตทริกเมื่อวันก่อน ต้องบอกว่า เป็นหนังคนละม้วน

สื่อฝรั่งจับคู่เทียบกันและบอกว่า การออกมาฉากแรกของ 2 ยอดซุปตาร์โลกถือว่าผลลัพธ์ต่างกันลิบ

ถ้าเป็นการชกมวยและนับแบบยกต่อยกบอกได้เลยว่า ยกแรกเป็นของโรนัลโดแบบขาดลอย เหมือนต่อยเมสซีลงไปนอนนับ 8 เอาซะด้วยซ้ำ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกนิ้วให้กับผู้เล่นของไอซ์แลนด์ด้วยที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่นในเกมรับ และเวลาโต้กลับก็ทำได้อย่างรวดเร็ว

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศเล็กก็จริง แต่ผู้คนตัวใหญ่ โดยเฉพาะนักฟุตบอลเห็นได้เลยว่าสูงและใหญ่กว่าผู้เล่นฟ้าขาวโดยเฉลี่ย

เวลาตั้งรับจึงไม่ใช่เอา “รถบัส” ไปจอดขวางประตูอย่างที่ฝรั่งเขาชอบเปรียบเปรยแต่ประการใด แต่ขนเอารถ “เทรเลอร์” คันใหญ่ไปจอดเต็มประตูเลยครับ ทีมฟ้าขาวเจาะมาได้ 1 ประตูถือว่าเก่งแล้ว

ก็ต้องปรบมือให้แก่ยอดโค้ชไอซ์แลนด์ ไฮมีร์ ฮัลล์กริมส์สัน ที่วางแผนได้อย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งขอปรบมือให้เป็นพิเศษ สำหรับนายทวาร อัลเฟรด ฟินน์โบกาสัน ที่สำนักข่าวหลายสำนักยกให้เป็น “แมน ออฟ เดอะแมตช์” รวมทั้ง BBC

หลังเกมการแข่งขัน เมสซียอมรับว่าเขารู้สึกเจ็บปวดที่ยิงลูกโทษพลาดในวันนี้ เพราะถ้าเขายิงประตูได้ลูกนั้น ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทันที ไอซ์แลนด์จะเปิดพื้นที่มากขึ้น และทีมเขาก็จะมีพื้นที่เล่นมากขึ้น

“แน่ละพวกเรารู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถเก็บ 3 แต้ม ที่ควรจะเก็บเอาไว้ได้ การเริ่มต้นด้วยชัยชนะย่อมสำคัญเสมอ…แต่เราจะต้องพยายามลืมวันนี้ให้เร็วที่สุด และนึกถึงโครเอเชียคู่ต่อสู้ทีมถัดไปของเรา”

สำหรับ โครเอเชีย เพื่อนร่วมกลุ่ม D ที่เมสซี เอ่ยถึงสามารถเอาชนะ ไนจีเรีย ไปได้สบายๆ 2-0 เก็บ 3 แต้ม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง หลังจบการแข่งขันนัดแรก

ดูฟอร์มแล้วนักเตะโครแอต ก็เป็นทีมแกร่งไม่เบาทีมหนึ่ง และน่าจะท้าทายความสามารถของเมสซีกับพลพรรคฟ้าขาวของเขาอย่างยิ่ง

ถ้าพวกเขาเอารถเทรเลอร์มาจอดขวางประตูอีก…เมสซีและพลพรรคจะเจาะสำเร็จหรือไม่ ตี 1 วันพฤหัสบดีที่ 21 มิ.ย. ค่อยมาลุ้นกันอีกที

อีกกลุ่ม ที่ลงเตะในวันเสาร์ 16 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่สามของการแข่งขัน ได้แก่ กลุ่มซี โดยมีเต็ง 1 ของกลุ่ม อย่างตราไก่ ฝรั่งเศส เชือดเฉือนนักเตะ จิงโจ้ ออสเตรเลีย ไปได้อย่างหืดจับ แค่ 2-1

ถือเป็นคู่แรกของบอลโลก ที่มีการใช้เทคนิค VAR หรือวิดีโอช่วยตัดสิน ซึ่งนำมาใช้กับฟุตบอลโลกครั้งนี้

ฝรั่งเศสเป็นทีมที่ได้รับประโยชน์จากการ “รีเพลย์” แล้วพบว่า จอซ ริสดอน ของทีมจิงโจ้ เสียบ อองตวน กรีซมันน์ ทางด้านหลังในบริเวณเขตโทษ จึงกลับคำตัดสินให้ตราไก่ได้ยิงโทษและก็เป็นกรีซมันน์ที่ซัดได้สำเร็จ

ในส่วนของรูปเกมโดยรวมก็คือว่า ทีมตราไก่ “เต็ง 4” ยังรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ดี และยังเป็นตัวเต็งแถวหน้าต่อไป

สรุปว่าผ่าน 3 วันแรก เราได้เห็นฝีเท้าของทีมเต็งที่มีซุปตาร์เยอะไปแล้ว 4 ทีม ว่า สเปน, โปรตุเกส แม้จะเสมอกันก็ถือว่าสมราคาทั้งคู่ ในขณะที่ ฝรั่งเศส ก็ไม่มีอะไรบกพร่อง

จะมีก็แต่ อาร์เจนตินา นี่แหละที่ถือว่า “สอบตก” เมื่อเทียบกับความคาดฝันของแฟนๆ

ความผิดส่วนหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะวันนี้ดันสวมเสื้อ “สีน้ำเงินเข้ม” มาลงสนามละมั้ง เลยไม่ขลัง เพราะไม่ใช่ “สีฟ้าขาว” สีเก่งของอาร์เจนตินา

แฮ่ม! นาทีนี้รู้แล้วละว่า อาร์เจนตินา เล่นบู่เพราะอะไร.

“จ่าแฉ่ง”