ทีวีไทยกับฟุตบอลโลก 48 ปีจาก “ขาวดำ” สู่ “4K”

ซอกแซกสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้าทีมได้เขียนถึงตำนานความเป็นมาของความตื่นตัวของคนไทยกับการดูบอลโลกที่เกิดขึ้นเพราะการจุดพลุของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกับเดลินิวส์เมื่อ พ.ศ.2513 หรือศึกฟุตบอลโลก ครั้งที่ 9 ซึ่งประเทศเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ

ส่งผลให้มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง บราซิล กับ อิตาลี โดย บริษัทไทยทีวี ผ่านช่อง 4 ขาวดำ บางขุนพรหม และช่อง 9 สี 625 เส้น ในเวลาเดียวกัน ทำให้คนไทยทั่วประเทศมีโอกาสได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก

สัปดาห์นี้ขออนุญาตเล่าต่อนะครับ โดยจะจับประเด็นเฉพาะสื่อโทรทัศน์โดยตรง เนื่องจากกลายเป็นสื่อที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อสังคมไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่นั้น

ในการแข่งขันฟุตบอลโลกอีก 4 ปีถัดมาคือใน พ.ศ.2517 หรือปี ค.ศ.1974 ซึ่งมี เยอรมันตะวันตก เป็นเจ้าภาพนั้นตรงกับห้วงเวลาที่ผ่านเหตุการณ์วันวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 มาไม่นานนัก ประเทศไทยปกครองโดยรัฐบาลท่านอาจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งเข้าสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับเปิดฉากปลุกกระแสฟุตบอลโลกอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่ก่อนวันแข่งขัน 2 วัน ดังเช่นเมื่อครั้งที่แล้ว

คนไทยที่หลงเสน่ห์ฟุตบอลโลกมาจาก 4 ปีก่อน ต่างก็ซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน และเตรียมตัวติดตามรายงานข่าวการแข่งขัน ทั้งจากหนังสือพิมพ์และวิทยุ ส่วนโทรทัศน์ก็จะตามผลโดยสรุปในภาคข่าวกีฬาประจำวันที่ไม่ยาวเท่าไรนัก

ไม่มีใครเรียกร้องที่จะดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เพราะทราบว่าราคาแพง แต่ก็หวังกันว่าจะได้ดูนัดชิงชนะเลิศเช่นเดียวกับปี 2513

แต่ก่อนที่ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 10 ใน พ.ศ.2517 จะเริ่มขึ้นเพียงวันเดียว ก็เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง มีการชุมนุมของผู้ใช้แรงงานที่ท้องสนามหลวง

จากไม่กี่พันคนเป็นหลายหมื่นคนและมากขึ้นเรื่อยๆ จนหวั่นว่าจะเกิดการบานปลาย หากมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจจะเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย

มีข่าวลือหนาหูตลอดทั้งวันว่า รัฐบาลอาจสั่งการให้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกนัดเปิดสนาม แถมให้ดูอีกนัดหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนออกจากบ้านมาชุมนุมมากขึ้น และเพื่อจูงใจให้ม็อบแรงงานสลายตัวกลับไปดูฟุตบอลที่บ้าน

ในที่สุด ข่าวลือก็เป็นความจริง สถานีโทรทัศน์ไม่แน่ใจว่า จะเป็นของช่อง 4 หรือช่องกองทัพบกประกาศตั้งแต่ช่วงบ่ายๆของการแข่งขันว่าจะถ่ายทอดสดนัดเปิดสนาม

ปรากฏว่า พอตกค่ำผู้คนที่สนามหลวงก็เบาบางลงทันที และค่อยๆสลายไปจนเหลือไม่กี่ร้อยคน ในระหว่างฟุตบอลนัดเปิดสนามเริ่มเตะ

พอวันรุ่งขึ้นก็เกิดฝนตกใหญ่ขึ้นมาอีก ทำให้ม็อบไม่สามารถรวมตัวกันได้อีกเลย

แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันว่า การถ่ายทอดสดนัดเปิดสนามใน พ.ศ.2517 จะเป็นการสั่งการของรัฐบาลเพื่อสลายม็อบจริงหรือไม่ แต่จากข่าวลือที่มีมาโดยตลอด ผสมผสานกับของจริงที่ทำให้คนไทยได้ดูนัดเปิดการแข่งขันอย่างมิได้คาดหมาย ทำให้เชื่อกันในหมู่นักข่าวยุคนั้นว่า รัฐบาลท่านอาจจะแอบสั่งลงมาจริงๆ

นับแต่นั้นมาการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในประเทศไทยก็ถือเป็นธรรมเนียมที่คนไทยจะได้ดูอย่างน้อย 2 นัด คือ วันเปิดสนาม กับวันชิงแชมป์ โดยในครั้งถัดมาซึ่งเป็นฟุตบอลโลก ครั้งที่ 11 ปี 1978 หรือ 2521 ที่ อาร์เจนตินา ขันอาสาเป็นเจ้าภาพ คนไทยจึงได้ดูทั้งวันเปิดและวันชิง โดยไม่ต้องมีม็อบมากดดันแต่อย่างใด

ปี 1982 สเปน เป็นเจ้าภาพ คนไทยโชคดีได้ดูแถมอีก 2 แมตช์ คือรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 คู่ นอกเหนือจากวันเปิดและวันชิง

ปี 1986 เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพอีกหน คราวนี้คนไทยโชคดีเพิ่มขึ้นอีก ได้ดูรอบ 8 ทีม เพิ่มอีก 4 แมตช์ จากการสั่งการของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะ ผบ.ทบ. ที่ยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะทำให้มีโอกาสได้ดูคู่รอบ 8 ทีมที่มันส์ที่สุด นับตั้งแต่มีการแข่งขันบอลโลกเป็นต้นมา ระหว่างฝรั่งเศสกับบราซิล

พอมาถึง ค.ศ.1990 อีก 4 ปีให้หลัง อิตาลี เป็นเจ้าภาพ คราวนี้ไม่ต้องมีใครสั่งเพราะหาสปอนเซอร์ได้คุ้ม ทางทีวีพูลจึงขันอาสาที่จะถ่ายทอดสด ครบทุกคู่เป็นครั้งแรก

นับจากนั้นมา คนไทยก็ได้ดูครบทุกคู่มาตลอด เพียงแต่สับเปลี่ยนเจ้าของลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดไปเรื่อยๆ โดย ค.ศ.2002 และ 2006 เป็นของ ทศภาค และ 2010 กับล่าสุด 2014 ที่บราซิล เป็นของ RS

ครั้งล่าสุดนี่เองที่เกิดปัญหาเมื่อมีการออกกฎ Must Have ว่าฟุตบอลโลกจะต้องออกอากาศทางฟรีทีวีเท่านั้น ต้องหาโฆษณาอย่างเดียวจะไปเก็บค่าดู หรือขายกล่องไม่ได้เด็ดขาด

ทำให้ RS ที่ซื้อสิทธิมาก่อนต้องฟ้องเรียกค่าเยียวยา และต่อมาด้วยความกรุณาจากศาลจึงได้รับการเยียวยาเป็นเงิน 369.85 ล้านบาท

จากกรณีที่เกิดขึ้นกับ RS ทำให้คนไทยเกือบชวดดูฟุตบอลโลกในครั้งนี้เสียแล้ว เพราะไม่มีใครกล้าซื้อลิขสิทธิ์มาอีกเลย

จะใช้เงินหลวงไปซื้อก็ไม่สมควรเพราะเงินจากภาษีอากรควรนำไปใช้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอื่นๆมากกว่า

โชคดีที่เรามีประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยที่เข้มแข็ง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) สามารถระดมเงินลงขันจากภาคเอกชนซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกมาถ่ายทอดสดครบทุกคู่ได้ในที่สุด

แม้จะต้องออกอากาศในช่องที่ Rating ปกติไม่สูงนักอย่าง ช่อง 5, อมรินทร์ทีวี หรือ ทรูโฟร์ยู แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ดูเลยจริงไหมเอ่ย?

ล่าสุด ทรูวิชั่นส์ เข้ามาแจมด้วยและจะถ่ายทอดด้วยระบบ 4K อัลตรา HD ซึ่งชัดกริ๊บกว่า HD ถึง 4 เท่า

ใครจะซื้อกล่องใหม่ของทรูวิชั่นส์ไปใช้กับเครื่อง (อาจต้องซื้อใหม่ด้วย) ที่รองรับระบบ 4K ได้ก็เชิญนะครับ

สรุปว่ายาวนานและลุ่มๆดอนๆพอสมควรสำหรับเส้นทางทีวีไทยกับบอลโลกตลอดเวลา 48 ปีที่ผ่านมา แต่ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง…ใครจะนึกว่าจากจอขาวดำ ช่อง 4 ในที่สุดเราจะได้ดูบอลโลกทางทีวีในระบบอัลตรา HD 4K ที่เขาว่าชัดเจนจนแทบจะนับเส้นหนวดนักเตะได้เลยล่ะ.

ติดตามความเคลื่อนไหวฟุตบอลโลก 2018 คลิกที่นี่

“ซูม”