เขียนถึงอาลีบาบาอีกวัน ยาดีมีผลข้างเคียงเสมอ

ผมเขียนฝากท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลชุดนี้ไปเมื่อวานว่า อย่าตื่นเต้นดีใจกับการที่ แจ็ค หม่า จะมาลงทุนในเมืองไทยมากนัก

หมายถึงว่า ดีใจน่ะดีใจได้ แต่จะต้องเผื่อใจไว้สำหรับการติดตามดูแลผลกระทบในเชิงลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุนของอาลีบาบากรุ๊ปในบ้านเราเอาไว้ด้วย

ก็อยากจะให้เก็บข้อติงและข้อเตือนจากที่หลายๆ ฝ่ายชี้แนะไว้ไปพิจารณาและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดผลลบ หรือหากเกิดก็ขอให้น้อยที่สุด

ในไทยรัฐเมื่อวันวานเช่นกัน คุณ “ลม เปลี่ยนทิศ” เจ้าของคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” หน้าเดียวกับผมนี่แหละครับ ก็ยกตัวอย่างที่เปรียบเสมือนการติงและการเตือนมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมอยู่เรื่องหนึ่ง

ที่สืบเนื่องมาจากข่าวที่ว่า เว็บไซต์ของแจ็ค หม่า สร้างปาฏิหาริย์ขายทุเรียนหมอนทองถึง 80,000 ลูก ในเวลาเพียง 1 นาทีนั่นแหละครับ

มองในแง่ดีก็ควรดีใจที่เว็บไซต์ของเขาช่วยให้เราขายทุเรียนได้จำนวนมากมายถึงขนาดนั้น แต่มองในแง่ลบก็คือ ทุเรียนส่วนใหญ่ของเราถูกล้งจีนมากว้านซื้อล่วงหน้าไปหมดแล้ว แบบราคาตกเขียว หรือราคาหน้าสวน ซึ่งคงไม่สูงอะไรมาก

ดังนั้น ราคาทุเรียนในตลาดจีนที่เพิ่มขึ้นจากการขายในประเทศจีน ก็จะเป็นของบรรดาล้งชาวจีนไปเสียเป็นส่วนใหญ่

ผมต้องขอบคุณคุณ “ลม เปลี่ยนทิศ” ที่ชี้ให้เห็นปัญหานี้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวงการเกษตรกรรมของบ้านเราในช่วงหลายๆ ปีมานี้

เมื่อพ่อค้าจีนหรือล้งจีนเข้ามากว้านซื้อล่วงหน้าในเกือบจะทุกพืชผักผลไม้ที่เราผลิตได้ และมีตลาดค่อนข้างดีในเมืองจีน ผลดีของเว็บไซต์แจ็ค หม่า ที่จะช่วยให้ขายของดีขึ้น จึงตกเป็นของบรรดาล้งจีนเสียมากกว่าเกษตรกรไทย

ที่เขียนอย่างนี้ไม่ได้มีอะไรตำหนิอาลีบาบากรุ๊ปแม้แต่น้อย ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า แจ็ค หม่า ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่เป็นตลาดกลางผ่านเว็บไซต์ของเขาให้แก่ประเทศไทยและสินค้าไทย

แต่กลไกก่อนจะมาถึงตลาดของแจ็ค หม่า ได้เกิดความไม่ชอบมาพากล คือ มีการเข้ามาทุ่มซื้อ กว้านซื้อ เหมาผูกขาดด้วยระบบล้งจากคนจีนด้วยกันนั่นเอง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าแจ็ค หม่า จะรู้ประเด็นนี้หรือไม่

เมื่อวานผมเล่าว่า ผมดูคลิปการให้สัมภาษณ์ของ คุณแจ็ค หม่า กับคุณสุทธิชัย หยุ่น เห็นเขากล่าวแสดงความชื่นชมคนไทย กล่าวถึงความตั้งใจของเขาที่จะมาดำเนินธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย…ฟังจากสีหน้าและน้ำเสียงก็ดูจริงใจมาก

แต่ลึกๆข้างในจะเป็นอย่างไรคงไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่างั้นเถอะ

เท่าที่ผมติดตามอ่านประวัติของเขามาพอสมควร…ประมวลเข้าแล้วก็เห็นภาพว่าแจ็ค หม่า เป็นคนมีหลักการ มีธรรมาภิบาล ชอบค้าขายอย่างเสรี และไม่ปิดโอกาสของคนอื่นๆ

แต่สำหรับประเทศจีนอันกว้างใหญ่ไพศาล เราก็ทราบดีว่ามีบู๊ลิ้มหลายระดับ ทั้งยอดฝีมือที่มีคุณธรรม และบรรดาลิ่วล้อกเฬวราก

ที่ไร้คุณธรรมมากมายพอๆกันที่ผ่านมา เราเจอกับพ่อค้าจีนที่ไร้คุณธรรมอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในกรณีท่องเที่ยวหรือแม้แต่ในการค้าผลิตผลทางการเกษตร จนรู้สึกขยาด

ผมถึงเห็นด้วยกับทุกฝ่ายที่ออกมาติงเรื่องนี้ว่า เราจะต้องเฝ้าระวังประตูของประเทศไทยที่โดน “โอเพ่น เซซามี่” เปิดออกด้วยมนต์คาถาของแจ็ค หม่า เรียบร้อยแล้วนั้นอย่างเอาใจใส่

เนื่องเพราะผู้ที่จะเดินเข้ามาในถ้ำหรือประเทศไทยย่อมจะมีทั้งคนที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและขาดคุณธรรมระคนกันไป

รัฐบาลจะต้องช่วยจับตาดู และเมื่อเกิดกรณีที่ไม่เป็นธรรมกับเราก็จะต้องหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุด

เหมือนที่คุณ “ลม เปลี่ยนทิศ” ทวงถาม “บิ๊กตู่” ว่าชาวสวนไทย+ ชาวนาไทย (เพราะต่อไปจะมีการขายข้าวด้วย) จะได้อะไร? หรือจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง? นั่นแหละครับ

ผมถึงสรุปไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนวันนี้ว่า รัฐบาลไทยดีใจได้ แต่ก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย สำหรับการมาเมืองไทยของอาลีบาบา เพราะทุกยาดี มักจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเสมอๆ แหละครับ.

“ซูม”