“ดร.วิษณุ” VS “รอมแพง” “ข้ามสมุทร” VS “ออเจ้า”

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในงานมงคลสมรสของคุณวัชร วัชรพล ซีอีโอไทยรัฐทีวี ช่อง 32 กับคุณสิริผกา กรรณสูต ที่โรงแรมดุสิตธานี ผมมีโอกาสได้สนทนากับคุณประวิทย์ มาลีนนท์ อดีตนายใหญ่ช่อง 3 ซึ่งปัจจุบันแม้จะถอยห่างไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของช่อง 3 อยู่ตลอดเวลาดังที่ผมเคยเขียนไว้

กว่าครึ่งหนึ่งของการสนทนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสำเร็จของช่อง 3 ในช่วงนี้ อันสืบเนื่องมาจากความโด่งดังยิ่งกว่าพลุแตกของละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” นั่นแหละครับ

พอผมแสดงความยินดีกับคุณประวิทย์…คุณประวิทย์ก็ขอบคุณกลับมาที่ไทยรัฐ ที่พาดหัวเชียร์หน้า 1 ทุกวัน รวมทั้งคอลัมน์ผมที่เขียนให้กำลังใจตลอด

ผมก็เรียนท่านไปต่อหน้า ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อดีต ผอ.อสมท ที่ยืนสนทนาอยู่ด้วยว่า…ไทยรัฐไม่ได้เชียร์หรอกครับ แต่สะท้อนความจริงของสังคมไทย อะไรที่เป็นเรื่องฮือฮา หรือเป็นที่สนใจแบบไฟลามทุ่งไปทั่วประเทศแบบนี้ เราจะนำมาบันทึกไว้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทุกครั้ง

ส่วนที่ดูเหมือนเชียร์ก็เพราะละครที่ช่อง 3 นำเสนอเรื่องนี้ นอกจากจะสร้างความบันเทิงให้แก่สังคมไทยแล้ว ยังช่วยจุดไฟแห่งความรักชาติ รักความเป็นไทย ย้อนอดีตไปถึงประวัติศาสตร์ เราก็ต้องแสดงความชื่นชมและปรบมือให้แก่ช่อง 3 ตามหน้าที่ของเรา

กลับไปถึงบ้านคืนนั้น ผมก็ยังนึกถึงความดังของละครโทรทัศน์เรื่องนี้ ซึ่งล่าสุดเรตติ้งใน กทม. ขึ้นมาถึง 23.4 แล้ว และเฉลี่ยทั้งประเทศไทยก็มาอยู่ที่ 16

เชื่อกันว่าเรตติ้งวันสุดท้ายน่าจะเฉือนละครเรื่อง “นาคี” ซึ่งทำสถิติทั่วประเทศสูงถึง 17 ในตอนจบลงได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นไปตามแนวโน้มการดูละครทีวีของคนไทยที่ผ่านมา

ระหว่างนั่งนึกถึงเรตติ้งล่าสุดของ “บุพเพสันนิวาส” อยู่นั้น ผมก็นึกขึ้นมาได้ถึงนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยชอบมาก และเขียนเชียร์เอาไว้มากในคอลัมน์นี้เมื่อ 2-3 ปีก่อน

ได้แก่นวนิยายเรื่อง “ข้ามสมุทร” เขียนโดย ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้นั่นเอง

เป็นนวนิยายย้อนยุคกลับไปสู่ช่วงเวลาของกรุงศรีอยุธยาในยุค “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” เหมือนกันเป๊ะ และก็มีเหตุการณ์สำคัญของท้องเรื่องที่คล้ายคลึงกันตอนหนึ่งว่า พระเอก เป็นข้าราชการคนหนึ่งที่อยู่ในคณะของ เจ้าพระยาโกษาปาน ที่เดินทางไปถวายพระราชสาส์นแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส

หวังว่าคงจะเป็นคนละคนกับ “พ่อหมื่น” ในละครออเจ้าที่ได้เป็นหนึ่งในคณะทูตชุดนี้เช่นกัน

พระเอกของ ดร.วิษณุเป็นคนรุ่นใหม่ ยุคนี้เรียนจบศิลปกรรมจากศิลปากรหรืออย่างไรนี่แหละ แล้วไปเรียนโทต่อที่ฝรั่งเศส ก่อนจะไปย้อนยุคกลับไปสู่กรุงศรีอยุธยาระหว่างเรียนที่โน่นด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรสักอย่างที่ผมลืมเสียแล้ว (เพราะอ่านมานานแล้ว)

ผมจำได้ว่า ผมตบท้ายในวันที่เขียนถึงหนังสือเรื่องนี้เต็มคอลัมน์ว่าให้เอาไปสร้างละครทีวี รับรองดังแน่…แต่จะเป็นด้วยเหตุใดไม่ทราบ ยังไม่มีการสร้าง แม้จะมีการพูดถึงอยู่เหมือนกัน

ถ้าจะให้เดา ผมก็เดาว่าคงเป็นเพราะสร้างยากและต้องลงทุนแพง เพราะฉากส่วนใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งจะไปอยู่ที่กรุงปารีส อยู่ที่พระราชวังแวร์ซาย ซึ่งถ้าไปถ่ายละครให้เป็นปารีสย้อนยุคด้วยคงจะต้องลงทุนมหาศาล

หนังสือของ ดร.วิษณุเรื่อง “ข้ามสมุทร” ตีพิมพ์ในปี 2558 โดยสำนักพิมพ์มติชน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เซเว่นบุ๊ค อวอร์ด ครั้งที่ 13 พ.ศ.2559 ทีหลัง “บุพเพสันนิวาส” ของ “รอมแพง” ที่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ของเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด ครั้งที่ 7 ปี 2553

แม้พล็อตเรื่องใหญ่จะคล้ายกันคือ ส่งคนจากยุคนี้ไปอยู่ยุคโน้นเหมือนกัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกันมาก และสนุกคนละแนวทั้ง 2 เรื่อง

ถือว่าศึกครั้งนี้ “บุพเพสันนิวาส” เป็นผู้ชนะ เพราะมีการนำมาสร้างละครก่อน และกลายเป็นละครฮิตระเบิด แต่ “ข้ามสมุทร” ซึ่งเกือบจะเป็นละครเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้เป็นจนแล้วจนรอดนั้น ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจ

เอาไปสร้างหนังใหญ่เลยครับ เพราะมีฉากใหญ่ๆ หลายตอน เช่น ฉากข้ามทะเลข้ามสมุทรเป็นต้น รวมทั้งฉาก “ปารีสย้อนยุค” ด้วย คิดถึงท่านมุ้ยจัง ต้องมือระดับท่านล่ะครับถึงจะสร้างได้.

“ซูม”