หลายวันมาแล้ว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐนี่แหละพาดหัวหน้า 1 ว่า มหาวิทยาลัยไทย 10 แห่ง ติดโผการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วเอเชีย
อ่านหัวข่าวใหญ่ก็รู้สึกดีใจว่ามหาวิทยาลัยไทยเราเก่งแฮะ ติดอันดับเอเชียถึง 10 มหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
แต่พอไปอ่านรายละเอียดก็รู้สึกฝ่อลงไปถนัดใจ เพราะมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเราคือมหาวิทยาลัยมหิดลได้แค่ที่ 97 เท่านั้น หรือแม้แต่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของสยามก็ติดแค่อันดับ 168 ของเอเชีย
ผมเป็นคนที่ฝากความหวังไว้กับ “มหาวิทยาลัย” อย่างมาก เพราะเชื่อมั่นในทฤษฎีที่ว่าประเทศใดมีมหาวิทยาลัยที่เก่งๆ แข็งๆ มากๆ ประเทศนั้นจะมีอัตราการพัฒนาสูงกว่าประเทศอื่นๆ
เพราะมหาวิทยาลัยจะเป็นแหล่งผลิตบุคคลระดับมันสมองในทุกๆด้านเพื่อออกไปช่วยพัฒนาประเทศชาติควบคู่ไปกับทำการศึกษาวิจัยเพื่อนำผลงานวิจัยไปต่อยอดในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ
ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกจะมีมหาวิทยาลัยแข็งๆ ดีๆ ระดับท็อปๆ ของโลก ประเทศละหลายๆ มหาวิทยาลัย
พอมาเห็นอันดับของเราแล้วก็ใจหายเลย นี่ขนาดทวีปเอเชีย มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นของเรายังได้อันดับกลางๆ มาจนถึงท้ายๆอย่างที่ว่า
แต่ก็เอาเถอะผมยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่ผมเชื่อของผมมาตลอดว่า คนไทยเราก็เป็นคนเก่งสมองเยี่ยมชาติหนึ่งไม่แพ้ใครๆ
เด็กไทยที่มีสมองดีๆ ระดับท็อปๆ จะไม่แพ้เด็กที่ไหนในโลก
ที่แล้วมาเราก็อาศัยเด็กเหล่านี้แหละที่เติบโตมาช่วยพัฒนาชาติจนก้าวหน้ามาได้พอสมควรถึงจุดนี้
ปัจจุบันนี้เราก็ยังต้องอาศัยเด็กหัวกะทิในลักษณะเดียวกันนี้ต่อไปและที่น่าดีใจที่เราเริ่มมีโรงเรียนสำหรับผลิตเด็กหัวกะทิเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด
นอกจาก เตรียมอุดมศึกษา, สตรีวิทยา และ สวนกุหลาบ แล้ว ในช่วง 20 ปีหลังนี้ เรายังมี บดินทรเดชา มี สตรีวิทย์ 2 มี เตรียมอุดมพัฒนาการ ฯลฯ เพิ่มขึ้นมาอีกหลายๆ แห่งใน กทม.
ต่างจังหวัดเรามีโรงเรียนทั้งประจำจังหวัดและโรงเรียนราษฎร์ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าชื่นใจทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน
นอกจากนี้เรายังมีโรงเรียนเฉพาะกิจ อย่างโรงเรียน มหิดลวิทยานุสรณ์ อย่างกลุ่ม โรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ และ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ของ ปตท. มาช่วยผลิตช้างเผือกด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ โดยตรง
แม้นักเรียนเก่งๆ ที่ว่านี้จะมีเปอร์เซ็นต์ที่ไม่สูงนัก แต่เมื่อคิดเป็นจำนวน ผมคิดว่าปีหนึ่งๆ ก็มีหลายพันคน ซึ่งมากพอที่จะมาเป็นบุคคลระดับมันสมองของชาติได้ในอนาคต
เด็กเหล่านี้จะสมองดีกว่าเด็กทั่วๆไป เมื่อเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเรา ซึ่งแม้จะเกรดไม่ดีนักอย่างที่สำรวจ แต่ผมเชื่อว่าเด็กเหล่านี้จะมีมันสมองเกินหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยสอน
พวกเขาจะขวนขวายเรียนกันเองเพิ่มเติม จนมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น และเมื่อพวกเขาได้ไปต่อยอดในต่างประเทศก็อาจจะมีปัญหาเล็กน้อยในช่วงแรกๆ เท่านั้น เพียงครู่เดียวเขาก็จะเรียนสู้เด็กเก่งๆ ของเมืองนอกได้ดังที่ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วในอดีต
ปัญหามีอยู่ว่าเด็กเก่งหรือหัวกะทิเวลาไปต่อยอดต่างประเทศจำนวนมากเลยที่ไม่กลับมาเมืองไทย เพราะอยู่ที่โน่นได้ค่าจ้างเงินเดือนสูงกว่า
ทำอย่างไรเราจะจูงใจให้เขากลับมาประเทศไทย โดยไม่หนีหายไปรับใช้ประเทศอื่นใด อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ถ้าเราแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้สำเร็จ ผมก็เชื่อว่าแม้มหาวิทยาลัยของเราจะดูด้อยไปบ้างเมื่อเทียบกับคนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องห่วงกังวลเกินเหตุ
หันมาช่วยเติมความแข็งแกร่งหรือติดอาวุธทางปัญญาทางสมองบวกกับความรักชาติ ความพร้อมที่จะทำงานเพื่อชาติให้เด็กมัธยมกันเยอะๆ เถอะครับ รับรองเราไม่แพ้ใครเขามากอย่างแน่นอน
แต่ในระยะยาวมหาวิทยาลัยไทยก็จะต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วยนะครับ ถ้าของเราไม่มีสัก 2–3 แห่ง ติดอันดับท็อป 20 ของเอเชียบ้างล่ะก็ ความหวังที่จะไปถึง 4.0 ท่าจะยากหน่อยละ…ได้สัก 3.2 หรือ 3.5 ผมก็ว่าบุญแล้วนะครับ ท่านรองสมคิด! ถ้ามหาวิทยาลัยไทยยังอยู่ในระดับนี้…โดยเฉพาะการอ่อนด้อยด้านงานวิจัย!
“ซูม”