ทหารแก่ไม่มีวันตายฉันใด นักข่าวแก่ก็ไม่ตายฉันนั้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้บริหารและพนักงานเครือเนชั่นร่วมกันจัดงานอำลาเกษียณการทำงานให้แก่ คุณสุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งเครือเนชั่น ซึ่งได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเกษียณการทำงาน ในวันที่ 5 มีนาคม 2561 หรืออีกประมาณ 1 เดือนเศษๆ ข้างหน้านี้

มีการกล่าวสดุดี โดยคุณเทพชัย หย่อง ตามด้วยการกล่าวอำลาโดยคุณสุทธิชัย ผู้ซึ่งจะเกษียณเองอย่างซาบซึ้งและมากไปด้วยสาระ และจบลงด้วยการมอบดอกไม้แสดงความรักความอาลัย รวมทั้งให้กำลังใจจากบรรดาพนักงานทุกระดับ

ผมเห็นภาพคุณสุทธิชัยเดินรับดอกกุหลาบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากบรรดาพนักงานผู้มอบซึ่งก็มีใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน บนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันรุ่งขึ้น แล้วก็ต้องนั่งนิ่งๆไปหลายนาทีที่โต๊ะทำงานของผม

ประสาคนที่ผ่านโลก ผ่านชีวิต ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ่านงานเลี้ยงอำลามาหลายงาน ทั้งงานอำลาผู้หลักผู้ใหญ่อื่นๆ และตอนที่ตัวเองอำลาจากสำนักงานเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้วมีลูกน้องจัดงานให้ ทราบดีว่าหัวใจและความรู้สึกข้างในมิได้ยิ้มแย้มอย่างที่ใบหน้าแสดงออกมาหรอกครับ

ก็คงไม่ถึงกับร้องไห้ แต่มันก็จะคล้อยๆไปในทางนั้น คือจะรู้สึกเหงาๆ ที่เราจะต้องอำลาจากสถานที่ และจากผู้คนที่เราคุ้นเคยโดยจะไม่หวนกลับมาเจอกันในแบบที่เคยเจอกันมาเป็นเวลายาวนานอีกต่อไปแล้ว

แม้จะรู้ตัวดีว่าเป็นการจากกันด้วยดีและเป็นการจากที่สมควรด้วยเวลา ตลอดจนความเหมาะสมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อย่างไรเสีย “การจาก” ก็คือ “การจาก” จะให้มีความสุขเหมือน “การพบ” หรือ “การเจอะเจอ” นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ผมในฐานะเพื่อนและแฟนคลับคนหนึ่งของ สุทธิชัย หยุ่น จึงขออนุญาตที่จะมอบดอกกุหลาบให้เพื่อนด้วยช่อหนึ่งในวันนี้ เพื่อทั้งเป็นการให้กำลังใจและแสดงความอาลัยแก่เพื่อน และเพื่อปลอบใจตัวเองไปด้วยพร้อมๆกัน

ปลอบใจว่าต่อไปนี้จะมิได้อ่านบทความของ “กาแฟดำ” ในกรุงเทพธุรกิจ และจะมิได้เห็นหน้าและฟังซุ่มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของสุทธิชัยทางเนชั่นทีวีอีกแล้ว ว่าอย่างนั้นเถอะ

จนกระทั่งเมื่ออ่านข่าวเรื่องนี้ไปจนใกล้ๆจะจบ ผมจึงค่อยใจชื้นขึ้นมาใหม่ เมื่อผู้สื่อข่าวรายงานว่า สุทธิชัยจะเขียนให้กรุงเทพธุรกิจจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นฉบับสุดท้าย และยุติการออกอากาศรายการไทม์ไลน์ทางเนชั่นทีวี ในวันเดียวกัน ก่อนที่สัญญาจ้างของเขาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 5 มีนาคม

จากนั้นก็จะใช้เวลาในการเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน 47 ปี ในแวดวงสื่อมวลชนของเขาควบคู่ไปกับการออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ข่าวต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์

ซึ่งแปลว่า สุทธิชัย หยุ่น จะยังไม่ล้างมือในอ่างทองคำ ซ่อนเร้นกายอำลายุทธจักรดังเช่นยอดฝีมือในนิยายกำลังภายในทั้งหลาย

หากแต่จะเป็นไปดังเช่นคำกล่าวอันเป็นที่โด่งดังของท่านนายพล ดักลาส แม็คอาเธอร์ ที่ได้กล่าวไว้ในรัฐสภาอเมริกันหลังจากถูกประธานาธิบดี แฮร์รี ทรูแมน ปลดเมื่อ 67 ปีก่อนโน้นเสียมากกว่า

จำได้ไหมครับที่นายพลแม็คอาเธอร์กล่าวว่า “Old Soldiers never die ; they just fade away” ซึ่งแปลว่า “ทหารแก่ไม่มีวันตาย พวกเขาเพียงแต่จะค่อยๆเลือนหายไป” ดังกระหึ่มทั่วโลก

นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์แก่ๆอย่าง สุทธิชัย หยุ่น ก็จะไม่มีวันตายเหมือนกัน แถมยังจะเหนือกว่าทหารแก่ๆตามคำเปรียบเปรยของแม็คอาเธอร์ซะด้วยซ้ำ คือจะไม่มีวัน Fade away หรือเลือนหายไปอย่างเด็ดขาด

เผลอๆจะดังกว่าเก่า เพราะยุคนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย…การหลุดออกจากกรอบของหนังสือพิมพ์กระดาษและจอตู้ทีวีดิจิทัล ซึ่งก็กำลังโคม่าเช่นกันในขณะนี้…ไปสู่โซเชียลมีเดียโดยตรง

อาจจะกลายเป็นการแจ้งเกิดใหม่อีกรอบของชายวัย 72 ปี อย่าง สุทธิชัย หยุ่น ก็ได้ ใครจะรู้?

ขอให้เพื่อนโชคดีกับชีวิตใหม่ของเพื่อน เราเชื่อจริงๆว่า นักข่าวแก่ๆอย่างเพื่อน “never die…and never fade away…(1,000%)”

“ซูม”